Singapore
in brief
ประวัติประเทศสิงคโปร์โดยย่อ
สิงคโปร์ในชื่อต่างๆ
จากหน้าประวัติศาสตร์ของภูมิภาคต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สิงคโปร์ได้รับการกล่าวถึงในชื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นPuluozhong,TemasekและSingapuraโดยชื่อสุดท้ายนี้มาจากภาษามาเลเซีย
อันเป็นชื่อในยุคปัจจุบัน
.
Puluozhong
จากประวัติศาสตร์ของชาวจีนในศตวรรษที่ 3 มีการอ้างถึงสิงคโปร์ว่าเป็นเกาะที่มีชื่อว่า Puluozhong ซึ่งได้มาจากคำในภาษามาเลเซียPulau Ujongซึ่งมีความหมายว่า เกาะที่อยู่ปลายสุดของแหลม
Temasek
ในปี 1365 จากบทกวี Javanese Nagarakretagama สิงคโปร์ได้รับการขนานนามว่า Temasek หมายถึงเมืองแห่งทะเลกลอนบทนี้เป็นที่รู้จักจนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากเป็นผลงานทางวรรณกรรมที่สำคัญมากในยุคของอาณาจักรมัชปาหิต (Majapahit Era) โดยในปี 1330 พ่อค้าชาวจีน Wang Dayuan ได้เดินทางมาที่สิงคโปร์
และเขียนประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้ โดยเรียกสิงคโปร์ว่า Danmaxi ซึ่งเป็นภาษาแมนดารินของคำว่า Temasek นั่นเอง
Singapura
จากประวัติศาสตร์ทั้งหมด
พงศาวดารของมาเลเซียที่เรียกว่า Sejarah
Melayu หรือ Malay Annals ได้อธิบายเรื่องราวของความเป็นมาของชื่อที่สิงคโปร์
ได้รับมาจนถึงปัจจุบันนี้ได้ดีที่สุด โดยมีตำนานเล่าต่อกันมาว่าSang nila Utama กษัตริย์ผู้ปกครอง Palembang (เมืองหลวงของอาณาจักรศรีวิชัยอันเก่าแก่) ได้เข้ามาเยือนเทมาเซก (Temasek) โดยไม่ได้ตั้งใจ
ในขณะที่กำลังหลบพายุ เขาได้เหลือบไปเห็นสิงโตบนเกาะแห่งนี้ จึงได้ประกาศชื่อใหม่ให้เกาะแห่งนี้ว่า Singa Pura หมายถึง เมืองสิงโต ในภาษามาเลเซีย
และชื่อนี้จึงเข้ามาแทนที่Temasek จนกลายเป็นชื่อที่ใช้เรียกเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ปลายยุคศตวรรษที่ 14 กษัตริย์ทรงได้เล็งเห็นว่าลักษณะทางภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ในช่องแคบมะละกามีความเหมาะสมเชิงกลยุทธ์
จึงได้ยกให้สิงคโปร์เป็นเมืองท่าสำหรับการค้าขายและการตั้งถิ่นฐาน
การย้ายถิ่นฐานในช่วงเริ่มต้น
ผู้ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในสิงคโปร์ในช่วงเริ่มต้นนั้น
ส่วนใหญ่มาจากแหลมมลายู จีน อินเดีย และ ศรีลังกา
The
Malays
ประชาชนส่วนใหญ่ในสิงคโปร์ประกอบไปด้วยชาวมาเลย์ที่มาจากแหลมมลายู
และหมู่เกาะต่างๆรวมไปถึง
the Bugis ชาวมาเลย์ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
โดยในช่วงแรกก่อนที่นายพล Raffles จะเข้ามา
ชาวมาเลย์คือคณะผู้ติดตามของ Temenggong (รัฐมนตรีกลาโหม) ของสุลต่านแห่งรัฐยะโฮร์
The Chinese
กลุ่มผู้อพยพชาวจีนกลุ่มแรกได้เดินทางมาจากเกาะไรอู (Riau) และ
มะละกา (Melaka) ซึ่งเป็น
ส่วนหนึ่งของเขตชุมชน Baba (หรือรู้จักกันว่าเป็นชาวจีนที่ถือกำเนิดบริเวณช่องแคบมะละกา) ใน
เดือนกุมภาพันธ์ 1821 เรือสำเภาจากเมืองเซี่ยเหมินในมณฑลฝู่เจี้ยน
เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดที่เข้ามาใน
ขณะนั้นโดยมีกลุ่มอื่นปะปนมาด้วย เช่น
ชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้ง : จีนแคะซึ่งเป็นกลุ่มชนเร่ร่อนจากตอน
เหนือของมณฑลกวางตุ้ง ชาวจีนแต้จิ๋ว จากเมืองซั่วเถา ; ชาวจีนจากมณฑลกวางสี ; ชาวจีน จากเมืองฝูโจว
และชาวจีนไหหลำ จากเกาไหหลำ
โดยชาวจีนที่อพยพมาส่วนใหญ่นั้นคือเกษตรกรที่ยากจน ผู้ใช้แรงงาน
และช่างงานฝีมือ
The
Indians
ชาวอินเดียกลุ่มแรกมาจากปีนังและมะละกา
ส่วนกลุ่มอื่นอพยพมาจากชายฝั่งโคโรแมนเดล และชายฝั่ง
มะละบาร์ ของอินเดียตอนใต้
ในปัจจุบันคือรัฐมัทราส (รัฐเชนไนในปัจจุบัน) และรัฐเกรละ
นอกจากนี้
ยังมีกลุ่มที่มาจาก รัฐคุชราต รัฐปัญจาบ รัฐสินธ์ (ปากีสถานในปัจจุบัน) รัฐเบงกอล และศรีลังกา ชาว
อินเดียรุ่นบุกเบิกส่วนใหญ่จะรับราชการทหาร
หรือติดตามากับกองทหาร โดยมีพ่อค้าเป็นส่วนน้อย
กลุ่มผู้ใช้แรงงานที่เข้าประเทศมาภายหลังโดยเป็นกลุ่มที่มาทำงานก่อสร้างให้กับชาวอังกฤษ
ส่วนกลุ่มอื่นๆ
รับจ้างเป็นเสมียน ครู พ่อค้า และคนปล่อยเงินกู้
สิงคโปร์ยุคโมเดิร์น : เมืองท่าของอังกฤษ
ประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ยุคสมัยใหม่ เริ่มต้นจากการที่อังกฤษเข้ามาทำการค้าที่ช่องแคบมะละกา
ชาวอังกฤษต้องการท่าเรือที่สามารถเข้ามายังสิงคโปร์เพื่อตรวจสภาพเครื่องยนต์เรือพักผ่อน
และป้องกันเส้นทาง
การค้าขาย
รวมไปถึงป้องกันการบุกรุกของชาวฮอลแลนด์ในน่านน้ำ East india อังกฤษจึงได้สร้างท่าเรือที่ปีนัง (1786) และสิงคโปร์ (1819) และยึดครองมะละกามาจากชาวฮอลแลนด์ในที่สุด (1795)
ในช่วงปลายปี 1818 Lord Hastings ผู้ว่าการอาณาเขตของอินเดีย
ได้มอบกรรมสิทธิ์ให้กับ
เซอร์ สแตมฟอร์ด ราฟเฟิล (Sir Stamford Raffles) รอผู้ว่าราชการแห่ง Bencoolen
ให้จัดตั้งสิงคโปร์เป็นเมืองท่าแห่งการค้าของอังกฤษ
ในวันที่ 29 มกราคม 1819 เซอร์
สแตมฟอร์ด
ราฟเฟิลได้ขึ้นฝั่งสิงคโปร์
และในวันต่อมาเขาได้เซ็นสนธิสัญญาเบื้องต้นกับ Temenggong Abdul Rahman ในการจัดตั้งท่าเรือการค้าที่สิงคโปร์โดยมีการลงลายลักษณ์อักษรในสนธิสัญญา
อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1819 ร่วมกับสุลต่าน Hussein of Johor และ
Temenggong สุลต่านที่ปกครองสิงคโปร์ร่วมกันในสมัยนั้น
การเข้ามาตั้งถิ่นฐานในสิงคโปร์นั้นเปรียบได้กับการได้รับรางวัลที่มีค่า
เนื่องจากภายในปี 1820
สิงคโปร์สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ และในอีก 3 ปีต่อมา
รายได้จากการค้าขายของสิงคโปร์
สามารถแซงรายได้ของปีนัง จนกระทั่งในปี 1824 โดยต้องการให้ชาวดัทซ์ย้ายทุกอย่างออกไปจาก
อาณานิคมแห่งนี้ของอังกฤษ สนธิสัญญาฉบับที่ 2 เป็นการลงนามกันระหว่างสุลต่าน Hussein
และสุลต่าน Temenggong Abdul Rahman ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน
โดยที่ผู้ปกครอง
ทั้งสองได้มอบเกาะให้อังกฤษเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับเงินสดและเงินบำนาญ
สิงคโปร์ในยุคอาณานิคมช่องแคบ
ในปี 1826 อาณานิคมช่องแคบก่อตั้งขึ้นมาด้วยการรวมเอา
สิงคโปร์ มะละกา และปีนังเข้าไว้ด้วยกันภายใต้การปกครองของ British India ในปี 1832 สิงคโปร์ได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งการปกครองอาณานิคมช่องแคบ
และในวันที่ 1 เมษายน 1867 อาณานิคมแห่งกรุงลอนดอน
และเปลี่ยน
ชื่ออาณานิคมช่องแคบเป็น Crown Colony สิงคโปร์ได้กลายเป็นท่าเรือที่สำคัญของเรือเดินสมุทร
ที่ล่องจากยุโรปมายังเอเชียตะวันออกในปี 1869 หลังจากปี 1870 ได้มีการพัฒนาการปลูกสวนยาง
จนทำให้อาณานิคมแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งการคัดแยก
และส่งออกยางที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
การค้าของสิงคโปร์ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าในช่วงปี 1873 จนถึงปี 1913 ความรุ่งเรืองของสิงคโปร์
ได้ดึงดูดให้มีผู้อพพยเข้ามาตั้งถิ่นฐานจากรอบๆ
อาณาบริเวณในภูมิภาคนี้ ในปี 1860 จำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเป็น 80,792 โดยแบ่งเป็น
ชาวจีน (61.9%) ชาวมาเลย์ (13.5%) ชาวอินเดีย
(16.05%) และชนชาติอื่นๆ
รวมไปถึงชาวยุโรปอีกด้วย (8.5%)
ข้อมูลต่างๆ
ชื่อประเทศ : สาธารณรัฐสิงคโปร์
เมืองหลวง : สิงคโปร์
ระบบการปกครอง : สาธารณรัฐ
สกุลเงิน : สิงคโปร์ดอลล่าร์
รหัสโทรศัพท์ : +65
รหัสอินเตอร์เน็ต : .sg
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ปลายด้านล่างสุดของแหลมมลายู
ระหว่างประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเซีย
อาณาเขต : 714.3 ตร.ก.ม.
จำนวนประชากรทั้งหมด : 5,312,400 (เมื่อเดือนมิถุนายน 2012)
ความหนาแน่นของประชากร (ต่อ ตร.ก.ม.) : 7,257
สัดส่วนของเชื้อชาติ : จีน 74.2%,มาเลย์ 13.3%,อินเดีย 9.2%, อื่นๆ 3.3% (เมื่อเดือนมิถุนายน 2012)
ศาสนา (ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป) : คริสต์ 18.3%,พุทธ 33.3%,อิสลาม 14.7%
ฮินดู 5.1%,เต๋า 10.9%,อื่นๆ 0.7%,ไม่นับถือศาสนาใดๆ 17% (ตามการสำรวจสัมโนครัวประชากรปี 2010)
ภาษา : ภาษาราชการ 4 ภาษา ได้แก่ มาเลย์ แมนดาริน ทมิฬ และอังกฤษ
แม้ว่าภาษามาเลย์จะเป็นภาษาประจำชาติ
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้สำหรับการทำธุรกิจและการศึกษา
ชาวสิงคโปร์เกือบทุกคนสามารถพูดได้สองภาษาอย่างคล่องแคล่ว ทั้งภาษาอังกฤษ
และภาษาแม่ (แมนดาริน,ทมิฬ,มาเลย์)
แหล่งข้อมูล : สำนักานสถิติแห่งชาติ
สิงคโปร์ www.singapore.sg
สัญลักษณ์ประจำชาติ
ธงชาติ สัญลักษณ์ของประเทศที่ชัดเจนที่สุด
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอุดมคติ ความเชื่อและคุณค่าของประเทศ
การออกแบบธงชาติจึงถือเป็นภารกิจที่สำคัญมากของสภาที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งในปี 1959 ธงชาติประกอบไปด้วยแถบแนวนอนแบ่งครึ่งเป็น 2 ส่วนคือ
สีแดงซึ่งอยู่ด้านบนของส่วนที่เป็นสีขาวในแถบสีแดงมีพระจันร์ครึ่งเสี้ยวสีขาวอยู่ด้านบนซ้าย
และมีดาวสีขาวห้าดวงเรียงกันเป็นวงกลมอยู่ข้างพระจันทร์
ส่วนประกอบของธงมีความหมายที่แตกต่างกันโดย สีแดง
หมายถึงภราดรภาพและความเท่าเทียมกัน สีขาว
เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์
และความดีที่แผ่ขยายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
จันทร์เสี้ยวสื่อถึงความเป็นชาติใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น
และดาวทั้งห้าบ่งบอกถึงประชาธิปไตย สันติภาพ ความก้าวหน้า ความยุติธรรม
และความเท่าเทียมกัน
สิงคโปร์คือเมืองแห่งสวน
เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณและความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต โดยมีดอก Vanda Miss Joaquim (ออกเสียงว่า
วา-คิม) เป็นดอกไม้ประจำชาติที่มีลักษณะตามธรรมชาติที่สามารถนำมาสื่อความหมายเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของประเทศได้
แหล่งข้อมูล www.singapore.sg/www.nhb.gov.sg
Icons of Singapore
สถานที่ท่องเที่ยวของสิงคโปร์
ArtScience Museum
ArtScience
Museum ที่แรกของโลกแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ Marina Bay Sands พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งความคิดสร้างสรรค์
ที่จะทำให้คุณค้นพบกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ และวิทยาศาสตร์
มีห้องจัดแสดงนิทรรศการ 21 ห้องบนพื้นที่ 50,000 ตร.ฟุต
นอกจากนี้บริเวณดอกบัวใหญ่ที่เป็นจุดเด่นของพิพิธภัณฑ์ ยังเป็นสถานที่จัดนิทรรศการรวมคอลเลคชั่นดังระดับโลกมากมาย
Marina Bay Sands
Marina Bay Sands คือจุดรวมแห่งความบันเทิงธุรกิจ
และช็อปปิ้ง ที่คุณควรมาสัมผัสประสบการณ์แบบนี้สักครั้งในชีวิต Marina Bay Sands ตั้งอยู่กลางในย่านธุรกิจของสิงคโปร์
ที่แห่งเดียวที่พร้อมให้คุณเพลิดเพลินไปกับโรงแรมหรู
สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับจัดนิทรรศการ ห้องประชุมที่ทันสมัย โรงละคร
รวมไปถึงร้านอาหาร และร้านค้าที่ดีที่สุดของประเทศ อาคารของโรงแรมทั้ง 3 แห่งเชื่อมต่อกันด้วย Sands SkyPark บนชั้น 57 ที่ให้คุณตื่นตาตื่นใจไปกับวิว 360 องศาของทั่วแผ่นฟ้าสิงคโปร์
Marina Bay
Sands มีร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่มที่ให้คุณเลือกช็อปอย่างเต็มที่มากกว่า 300 แห่งแบรนด์จากดีไซน์เนอร์
และแบรนด์ชื่อดังระดับโลกร้านค้ามากมายที่ทำให้แหล่งช็อปแห่งนี้เป็นศูนย์รวมความทันสมัยทัดเทียมได้กับแหล่งแฟชั่นระดับโลกในปี 2011 Louis Vuitton Island Maison เปิดสาขาที่นี่โดยแยกออกมาอยู่ในอาคารกระจกใสโครงเหล็กลอยอยู่กลางน้ำในอ่าวมาริน่า
มีชื่อเรียกว่า Crystal
Pavilion ซึ่งเป็นการรวมเอาองค์ประกอบทางศิลปะและวัฒนธรรมรวมไว้ในพื้นที่แห่งเดียวกัน
และที่นี่คือ Louis
Vuitton Maison แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่ออกแบบโดยสถาปนิกเจ้าของรางวัลระดับโลก Peter Marino
ระหว่างการช็อปปิ้ง
คุณสามารถนั่งพักในร้านอาหารที่มีให้เลือกถึง 50 ร้าน รวมไปถึงร้านของเชฟมิชลิน
ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อย่าง Mario Batali,Daniel
Boulud,Wolfgang Puck,Guy Savoy และ Tetsuya Wakuda และหากคุณต้องการรับประทานอาหารอย่างมีระดับ
พร้อมไวน์ดีๆ พนักงานบริการของร้านก็สามารถจองที่นั่งที่ดีที่สุดใน Marina Bay Sands ให้คุณได้
ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร เล้านจ์ หรือบาร์ นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศ
และมีสไตล์กับแฟชั่นหรู คุณยังสามารถเติมเต็มประสบการณ์ครั้งนี้ที่ Marina Bay Sands ได้ที่แหล่งความบันเทิงระดับโลก
นิทรรศการงานศิลปะ รวมทั้งโชว์ดีๆ
ที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นการแสดงจากในประเทศหรือต่างประเทศอย่างละครเพลง Broadway ที่เปิดแสดงในโรงละครทั้ง 2 แห่งของ Marina Bay Sands
Gardens by the Bay
สวนพฤกษศาสตร์ Gardens by the Bay อยู่ห่างจากอ่าวมาริน่า
เพียงเดินแค่ 5 นาที
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ Bay South,Bay East, และ Bay central ซึ่งเป็นบริเวณที่เชื่อมต่อพื้นที่ 2 แห่งแรกไว้ด้วยกัน
Bay South คือสวนริมน้ำที่ใหญ่ที่สุด
คุณจะได้พบกับ Supertrees สวนแนวตั้งสูงเท่ากับตึก 16 ชั้น
ที่สามารถเก็บน้ำฝน และผลิตพลังงานแสงอาทิตย์
ทั้งยังเป็นท่อระบายให้กับเรือนปลูกต้นไม้ของสวนแห่งนี้อีกด้วย OCBC skyway คือทางเดินที่มีความยาว 128 เมตร
เชื่อมต่อระหว่าง Supertrees ที่จะให้คุณมองเห็นวิวของสวน
และอ่าวมาริน่าจากมุมบนได้อย่างงดงาม ในส่วนของ Bay East จะประกอบไปด้วยศาลาที่ออกแบบได้อย่างสวยงาม
สนามหญ้าเขียวชอุ่ม ต้นปาล์ม และดอกไม้นานาพันธุ์
เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเดินเล่นยามเย็น หรือปิกนิกกับคนที่คุณรักระหว่างทางคุณสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่น่าตื่นตาของท้องฟ้า
และหากคุณรู้สึกอบอ้าว ก็สามารถหลบร้อนได้ที่ เรือนต้นไม้
อาคารที่เพิ่งได้รับรางวัลจาก World
Building of the Year จากการประกวดด้านสถาปัตยกรรมระดับโลก The World Architecture Festival
2012 คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้จากทั่วโลก เช่น ต้น baobabs และอินทผาลัม
นอกจากนี้ยังมีโชว์แสงสีเสียง OCBC
Garden Rhapsody ที่จัดขึ้นท่ามกลาง Supertrees ทุกคืนโชว์ที่จะทำให้คุณจบวันของคุณที่ The Gardens by The Bay ได้อย่างงดงาม
Merlion Park
หากคุณไม่ได้ไปเยี่ยมชม Merlion ถือว่ายังมาไม่ถึงสิงคโปร์ Merlion คือรูปปั้นของสัตว์ในเทพนิยายชนิดหนึ่งที่มี่หัวเป็นสิงโตและตัวเป็นปลา
ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์และเครื่องหมายการค้าของประเทศสิงคโปร์ รูปปั้นนี้มีความสูง 8.6 เมตร
หนัก 70 ตัน
ส่วนหัวของสิงโตเป็นสิ่งที่แทนเหตุการณ์ขณะเจ้าชาย Sang Nila Utama ได้พบเห็นสิงโตโดยบังเอิญในช่วงที่ค้นพบ Singapura
ในปีค.ศ. 11 ตามที่ได้บันทึกไว้ในพงศาวดาร Malay Annals และในส่วนหางปลาเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Temasek (มีความหมายว่า
ทะเล ในภาษาชวา) ซึ่งเป็นชื่อของสิงคโปร์ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น Singapura (มีความหมายว่า เมืองแห่งสิงโต ในภาษาสันสกฤต)
Merlion จึงเป็นสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านชาวประมง
จนในปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ ที่ทุกคนต้องแวะไปชมอย่าลืมเก็บภาพของ Merlion และน้ำทะเลพร้อมตึกสูงระฟ้าในย่านธุรกิจกลางเมืองของสิงคโปร์
เมื่อมีโอกาสได้มาเยือนที่นี่
Singapore Flyer
สัมผัสประสบการณ์ที่อาจทำให้คุณแทบหยุดหายใจกับทัศนียภาพที่กว้างไกลบนชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Singapore Flyer คือที่ๆเดียวในสิงคโปร์ที่จะให้คุณมองเห็นวิวของทั้งเกาะ
จากด้านบนในกระเช้าแคปซูลที่สูงจากพื้นดินถึง 165 เมตร พร้อมรับวิว 360 องศาของสถานที่ท่องเที่ยที่สำคัญ
อาทิ แม่น้ำสิงคโปร์,
Raffles Place, Merlion Park และ Empress Place
สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว
Resorts
World Sentosa
Universal studios
Singapore
มาสนุกนอกจอกับเครื่องเล่น จากภาพยนตร์ชื่อดังที่ Universal Studios สิงคโปร์กันได้แล้ววันนี้
ที่ให้คุณได้ลองเล่นเครื่องเล่นเจ๋งๆ โชว์ตระการตาหรือความสนุกสนานมากมาย ที่สร้างมาจากหนัง
และซีรีย์อันโด่งดังไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น TRANSFORMERS:The Ultimate 3D Battle, Shrek 4D Adventure,
Madagascar:A Crate Adventure,Jurassic Park Rapids Adventure,Battlestar
Galactica:HUMAN vs. CYLON dueling coasters, และอื่นๆ
อีกมาก ให้คุณเพลิดเพลินไปกับโซนต่างๆ ของ Universal Studio ถึง 7 โซนด้วยกัน
Hollywood
ก้าวเข้าสู่เส้นทางสาย Hollywood ที่รายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น
ต้นปาล์ม และ Walk of fame อันโด่งดัง
ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนมาฮอลลีวู้ดจริงๆ
New
York
คุณจะรับรู้ได้ถึงพลังของเมืองอันยิ่งใหญ่เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ทางเดินที่เรียงรายได้ด้วยแลนด์มาร์กคลาสสิคของ New York เพลินไปกับบรรยากาศสีสันของเมืองไม่ว่าจะเป็นวิวของตึกระฟ้า
แสงไฟนีออน การตกแต่งอาคารภายนอก ที่เคยใช้เป็นฉากสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์
ที่จะทำให้คุณประทับใจ
Sci-fi
City
เมืองแห่งอนาคตได้มาอยู่ที่นี่แล้ว
คุณจะได้เข้ามาสู่โลกแห่ง Sci-Fi สัมผัสดินแดนแห่งการต่อสู้ของฮีโร่และเหล่าตัวร้ายในสงครามกาแลคซี่
และเยี่ยมชมมหานครอันน่าตื่นเต้น ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก
ในสไตล์ล้ำยุค
Ancient
Egypt
นำคุณย้อนกลับไปสู่ยุคปิรามิด
และเสาหินแห่งอียิปต์ในปี 1930 ได้อย่างสมจริง
ยุคทองแห่งการสำรวจดินแดน และช่วงเวลาแห่งการค้นพบสุสานฟาโรห์
และตำนานคำสาปอันน่ากลัว
The
Lost World
พบกับดินแดนจากภาพยนตร์ดัง Jurassic Park และ WaterWorld โซนจำลองที่สร้างขึ้นเพื่อให้คุณสัมผัสกับป่าดงดิบหนาทึบ
แหล่งซ่อนตัวของไดโนเสาร์ อันดุร้าย
จากนั้นแวะเข้าสู่ฉากระทึกอันท้าทายที่เต็มไปด้วยการต่อสู้กันอย่างเปียกปอน
และตื่นเต้นของเหล่าสตันท์เสี่ยงตาย
Far
Far Away
มาสนุกกับดาราดัง และลาพูดได้จากเรื่อง Shrek สัมผัสไลฟ์สไตล์แห่งเทพนิยาย
เจ้าชาย เจ้าหญิง เพลินไปกับการผจญภัยของ shrek ในรูปแบบ 4D หรือร้องเพลงร่วมกับลาแสนรู้ที่โชว์ Donkey LIVE
Madagascar
สร้างจากการ์ตูนแอนนิเมชั่นชื่อดังของ DreamWorks Animation Film
Madagascar คือโซนที่จะนำคุณไปสู่ป่าดงดิบ ที่เต็มไปด้วยสัตว์แปลกๆ
และน่ารักอย่าง lemurs และ foosas
เวลาทำการ : 10.00 น. 19.00 น. (จันทร์-ศุกร์)
10.00 น. 20.00 น. (เสาร์-อาทิตย์)
ค่าเข้าชม
ประเภทของตั๋ว
|
ผู้ใหญ่
อายุ 13-59 ปี
|
เด็ก
อายุ 4-12 ปี
|
ผู้สูงอายุ
อายุ 60ปีขึ้นไป
|
ตั๋วประเภท 1วัน
ตั๋วประเภท 2วัน
ตั๋วรายปี
ตั๋วรายปีชนิดด่วน
|
S$ 74
S$ 118
S$188
S$288
|
S$ 54
S$ 88
S$ 158
S$ 258
|
S$ 36
S$ 58
S$ 158
S$ 258
|
ตั๋วด่วน S$30
|
Marine Life Park
ดำดิ่งไปสู่ Marine Life Park อควาเรียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และเร้าใจไปกับความน่าพิศวงของชีวิตแห่งโลกใต้ทะเลจำนวนมหาศาล
ที่ให้คุณได้รับรู้ความพิเศษของโลกใต้น้ำทั้ง 2 โซนของ Marine Life Park จะพาคุณและครอบครัวไปสู่การเดินทางที่ลืมไม่ลง
คุณจะได้พบกับสัตว์น้ำกว่า 800 สายพันธุ์ตั้งแต่ฉลามยักษ์จนไปถึงปลาที่หายากผ่านกระจกใสสู่โลกแห่งมหาสมุทร
จากนั้นบุกตะลุยไปยังดินแดนแห่งความมันส์ของสายน้ำที่ Adventure Cove Waterpark สวรรค์แห่งดินแดนเขตร้อนชื้นที่ให้คุณสนุกได้อย่างเต็มที่กับสไลเดอร์
และการผจญภัยใต้น้ำที่ Adventure River ที่ให้คุณได้ดำน้ำท่องความมหัศจรรย์
ดูปลาและปะการงสีสันสดใสกว่า 20,000 ตัว
และปลากระเบนอีกหลายสิบตัว
ค่าผ่านประตูสำหรับ
S.E.A.
Aquarium
ประเภทของตั๋ว
|
ผู้ใหญ่
อายุ 13-59 ปี
|
เด็ก
อายุ 4-12 ปี
|
ผู้สูงอายุ
อายุ 60 ปีขึ้นไป
|
ตั๋วประเภท 1 วัน
ตั๋วรายปี
|
S$
29
S$
88
|
S$
20
S$
59
|
S$
20
S$
58
|
สำหรับ Adventure Cove Waterpark
ประเภทของตั๋ว
|
ผู้ใหญ่
อายุ 13-59 ปี
|
เด็ก
อายุ 4-12 ปี
|
ผู้สูงอายุ
อายุ 60 ปีขึ้นไป
|
ตั๋วประเภท 1 วัน
ตั๋วรายปี
|
S$
29
S$
88
|
S$
20
S$
59
|
S$
20
S$
58
|
The Maritime Experiential
Museum
พิพิธภัณฑ์ล้ำยุคที่ให้คุณสัมผัสได้ด้วยโสตประสาททุกส่วน The Maritime Experiential Museum คือพิพิธภัณฑ์เดียวในสิงคโปร์ที่ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประวัติศาสตร์ใต้ท้องทะเลแห่งเอเชีย
และร่วมค้นหาความเป็นมาของสิงคโปร์ ในฐานะเมืองท่าแห่งการค้าขายในอดีต
การเดินทางข้ามเวลาที่พาคุณกลับไปสู่การคมนาคมทางน้ำ ตั้งแต่ยุคเส้นทางสายไหม
นิทรรศการที่นำภาพ เสียง และกลิ่นอายของบรรยากาศตลาดที่คึกคักกลับมาใหม่
ที่ให้คุณสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ พบกับขุมสมบัติจากซากเรือ Bakau ที่จำลองขึ้นมาได้อย่างมีค่าแหล่งโบราณคดี Temasek ที่คุณสามารถค้นพบได้ด้วยตัวคุณเองที่ Maritime Archaeology Gallery พร้อมชมเรือจำลองขนาดเท่าของจริง
กับการเดินเรือจากท่าที่ Historic
Ship Harbour และให้คุณเรียนรู้มรดกทางวัฒนธรรมเอเชียผ่านโปรแกรมให้ความรู้ของพิพิธภัณฑ์
ก่อนจบการเดินทางคุณจะได้เข้าสู่โรงภาพยนตร์ 360 องศา multimedia Typhoon Theatre ที่ให้คุณได้ขึ้นเรือ
และผจญภัยกับ มหันต์ภัยแห่งพายุริแห่งการค้นพบอันน่าทึ่งรอคุณอยู่ที่ The Maritime Experiential Museum
Sentosa
Island
เกาะเซนโตซา
Sentosa
island ตั้งอยู่ห่างจากเมืองไปเพียง 15 นาทีสวนสนุกแห่งเอเชีย
ที่รวมเอาความตื่นตาตื่นใจมาไว้รวมกัน ไม่ว่าจะเป็น สวนสนุก สปาที่มีรางวัลการันตี
ป่าเขียวชอุ่ม ชายหาดสีทอง รีสอร์ท สนามกอล์ฟ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เรือยอร์ชล่องทะเลลึก และย่านที่พักอาศัยสุดหรูบนพื้นที่ 500 เอเคอร์
เหมาะสำหรับการเดินทางมาพักผ่อน หรือมาติดต่อธุรกิจ โดยในปี 2010 Sentosa ได้ต้อนรับ Resort World มาป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจในเครือ Sentosa ทำให้สิงคโปร์มี Universal Studios เป็นแห่งแรกของเอชียตะวันออกเฉียงใต้
เกาะเซนโตซา แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ
เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของนักท่องเที่ยว
Imbiah Lookout
ประสบการณ์สุดหรรษาสำหรับทุกวัย
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่รักในการผจญภัย
นักสำรวจประวัติศาสตร์หรือผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทั้ง 11 จุดที่ Imbiah Lookout พร้อมมอบประสบการณ์สุดสนุกอย่างล้นเหลือให้กับคุณ
Siloso Beach
ชายหาดสุดฮิปของสิงคโปร์
หาด Siloso ชายหาดสุดฮิปของสิงคโปร์ที่รู้จักกันดีกับกิจกรรมแนวๆ
เก๋ๆ และเป็นสถานที่จัดงาน Music
by the Beach (เคยใช้ชื่อว่า Jazz by the Beach) อย่าง Siloso Beach Party และ ZoukOut รวมไปถึงกีฬาอย่างวอลเล่ย์บอลชายหาดยังมีร้านอาหารอร่อยและบีชบาร์
ให้คุณเลือกมากมาย
Palawan Beach
ความสนุกของครอบครัวแบบกลางแจ้ง
ความสุขของครอบครัวคือความผูกพัน
และการมีเวลาได้เล่นสนุกร่วมกัน Palawan
Beach เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่เป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับครอบครัว
ที่พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และกิจกรรมที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหนก็ตาม
Tanjong Beach
พักผ่อนชิลล์ๆ
ความสงบและความเป็นส่วนตัวบนชายหาด Tanjong Beach คือเสน่ห์ของหาดแห่งนี้
หาดที่นักท่องเที่ยวผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตในเมืองตามหา
หาดที่เหมาะที่สุดกับการจิบค็อกเทลแก้วโปรดพร้อมชิลล์รับลมทะเล
Megazip Adventure Park
Megazip
Adventure Park แห่งแรกของสิงคโปร์ที่ให้ความสูงที่แท้จริงกับคุณ!
ให้คุณเร้าใจไปกับลวดสลิงอันน่าหวาดเสียวที่จะพาคุณไต่ไปในอากาศ
ตามเส้นทางของเชือกที่ขึงไว้ นี่คือประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันลืม
สามารถเลือกระดับความมันส์ตามความพร้อมของร่างกายและจิตใจของคุณ กับระยะทางยาวกว่า 450 เมตร
และความสูง 72 เมตร
เหนือน้ำทะเล The Megazip
flying fox ให้คุณพุ่งเข้าไปในหมู่แมกไม้กลางป่าและสัมผัสความคึกคักจาก Siloso Beach หากคุณต้องการท้าทายพลังงานที่มีของร่างกายลอง ClumbMax ด่านกลางอากาศท่ามกลางยอดไม้ที่ให้คุณได้บุกตะลุยไปบนสะพานที่สั่นโอนเอน
เดินไต่บนราวเชือกที่แกว่งไกวอยู่กลางอากาศ
และตบท้ายด้วยการปีนป่ายตาข่ายที่สูงเสียดฟ้า ความหวาดเสียวที่คุณต้องลอง ParaJump กิจกรรมกระโดดร่มจากประเทศอังกฤษ
ให้คุณได้โดดลงมาจากหอคอยผ่านห้วงอากาศ ลงสู่พื้นดินที่ห่างจากจุดกระโดดถึง 15 เมตร
MegaBounce ให้คุณโดดได้สูงกว่าที่เคยบนแทรมโพลีน
พร้อมกับสายรัดที่ช่วยประคองคุณขณะลอยฟ้า ให้คุณกระโดดได้สูงถึง 20 ฟุต
และกลับสู่พื้นอย่างปลอดภัยและนิ่มนวล
Sentosa Nature Discovery
ก้าวเข้าสู่การเดินทางครั้งใหม่
ที่ให้คุณลงมือค้นหา และลับสมองด้วยทักษะการสืบสวน
การสำรวจเริ่มต้นด้วยแกลเลอรี่ที่รวมเอานิทรรศการ interactive มาให้คุณทบทวนทักษะทางวิทยาศาสตร์
ตั้งแต่การสังเกต แยกแยะ เปรียบเทียบ และสรุปผลการทดลอง
ก่อนเข้าไปบุกป่าเพื่อสำรวจสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็น นก แมลง สัตว์ป่า
และต้นไม้นานาพันธุ์
Singapore Cable Car
ประทับใจกับทัศนีภาพ
ภูมิประเทศของสิงคโปร์ยามพระอาทิตย์ตกดินใน Singapore Cable Car
ที่ทำให้คุณมองเห็นวิวฝั่งตอนใต้ของประเทศสิงคโปร์แบบ 360 องศาผ่านกระเช้าใส
เพื่อประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมีระดับของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมเกาะ Sentosa แห่งนี้
Skyline Luge Sentosa
The Luge ให้คุณสัมผัสกับประสบการณ์
บุกตะลุยไปกับรถโกคาร์ทกึ่งสโนว์บอร์ด ที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกแล้วในสิงคโปร์
หรือแม้กระทั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เต็มที่ไปกับระยะทาง 650 เมตร
บนเส้นทาง Jungle Trail หรือ 688 เมตร
บนเส้นทาง Dragon Trail ที่คุณสามารถเลือกขับด้วยความเร็วตามต้องการ
จากนั้นมาต่อกันด้วย Skyride ที่ให้คุณเก็บภาพทิวทัศน์ของเมือง
และชายฝั่งในมุมกว้าง นับเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่ควรพลาดอย่างแท้จริง
iFly Singapore
ทำฝันของคุณให้เป็นจริง กับอุโมงค์ท่อลมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ที่ให้คุณ Skydiving ในร่ม
ด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค iFly
Singapore ช่วยให้คุณบินได้อย่างสนุกและง่ายกว่าที่เคย
อุโมงค์ส่งลมมีความกว้าง 16.5 ฟุต
และสูงถึง 56.5 ฟุต
โดยส่วนที่เป็นกระจกอะคลิลิคใสมีความสูงถึง 18 ฟุต ช่วยให้คุณได้เก็บภาพของทะเลจีนใต้ และหาด Siloso อย่างเต็มตา
นอกจากนี้คุณจะได้ฝึกบิน และได้รับคำแนะนำจากผู้ฝึกหัดที่มีประกาศนียบัตรรับรอง
พร้อมฟรีค่าอุปกรณ์ต่างๆ และยังได้ประสบการณ์ skydive กับราคาเพียง 1 ใน 5 ของราคา skydive ในท้องฟ้า
แต่สนุกกว่าถึง 2 เท่า
อย่าลืมมาก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ก่อนเริ่มบินเพื่อรับการฝึกและติดตั้งอุปกรณ์ให้พร้อม
Wings of Time
ร่วมผจญภัยไปกับชาบาซและผองเพื่อน
ราเชลและเฟลลิกซ์
สู่ดินแดนมหัศจรรย์ผ่านกาลเวลาสู่ยุคต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเดินทางสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมของอังกฤษ
เส้นทางสายไหม ดินแดนแห่งปิรามิดของชนเผ่ามายัน
โลกใต้ทะเลและทุ่งหญ้าสวันนาแห่งทวีปแอฟรีกา
โชว์ชุดใหม่ Wings of Time เป็นโชว์ที่จัดแสดงตอนกลางคืนและเป็นโชว์เดียวที่มีฉากหลังเป็นทะเลสุดลูกหูลูกตา
จัดแสดงผ่านม่านน้ำด้วยแสงสีตระการตาแบบ 3 มิติ มาร่วมสนุกและเดินทางไปผจญภัยพร้อมกัน
Wave House Sentosa
ให้คุณพบกับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นเร้าใจไปกับการโต้คลื่นจำลอง
แห่งแรกในเอเชีย บนหาด Siloso
Beach คุณสามารถโต้คลื่นได้บน Double FlowRider และ FlowBarrel ที่มีความสูงถึง 10 ฟุต
ตั้งอยู่กลางพื้นที่กว่า 70,000 ตร.ฟุต
ไม่ว่าสไตล์การโต้คลื่นของคุณจะเป็นแบบไหน จะสไลด์ตัวลงมา หรือลุกขึ้นยืนโต้คลื่น flowriding คือทางลัดสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดโต้คลื่น
และยังท้าทายพอสำหรับนักโต้คลื่นมืออาชีพคุณจะสามารถโต้คลื่นเองได้อย่างรวดเร็ว
จากการฝึกด้วยเทรนเนอร์ผู้มีประสบการณ์
Gogreen Segway Eco
Adventure
Segway Fun Ride
เริ่มต้นประสบการณ์กับการเคลื่อนที่ไปอย่างสนุกสนาน
และเป็นส่วนตัวบน Segway
Fun Ride
ให้คุณโลดแล่นไปบนเส้นทางที่เต็มได้จุดหักโค้งอันน่าตื่นเต้น
โดยจะมีเทรนเนอร์ดูแลคุณอย่างใกล้ชิด
จนคุณสามารถขับเคลื่อน Segway Fun Ride ได้อย่างคล่องแคล่วในเวลาไม่นาน
ประสบการณ์การขับขี่แบบล้ำยุคที่คุณควรลอง!
Segway Eco Adventure
การขับขี่ชมวิวไปตามฝั่งชายหาดของเกาะเซนโตซา
ให้คุณออกสำรวจจุดชมวิวที่สวยงามของเกาะที่ไม่ต้องใช้แรงมากจนเหนื่อยบน Segway PT คุณสามารถเลือกแพคเก็จ Segway Eco Adventure
ให้คุณขับเคลื่อนไปบนชายหาด Palawan Beach ในเวลา 30 นาที
แต่ถ้าคุณต้องการความสนุกที่มากกว่านี้ ให้เลือกแพคเก็จ Premium Segway Eco Adventure การผจญภัย 60 นาทีเต็ม
ที่ให้คุณท่องเที่ยวได้เต็มที่ถึง 3 ชายหาด!
Singapore Zoo
ตั้งแต่ปี 1973 สวนสัตว์สิงคโปร์
ได้รับการยกย่องให้เป็นสวนสัตว์ ที่มีสภาพแวดล้อม
และธรรมชาติอันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ทางสวนสัตว์ได้ปล่อยให้ลิงอุรังอุตังอาศัยอยู่ภายในพื้นที่สวนสัตว์เปิด
ถือเป็นสวนสัตว์แห่งแรกในโลกที่ปล่อยให้ลิงอยู่ได้เองตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ลิงอุรังอุตัง ยังถือด่าเป็นสัตว์สำคัญสำหรับสวนสัตว์แห่งนี้อีกด้วย
ไฮไลท์อื่นๆที่คุณไม่ควรพลาดก็คือ Fragile Forest และ Elephants of Asia ที่ให้คุณเรียนรู้เรื่องราวของสัตว์และธรรมชาติจากป้ายคำอธิบายต่างๆ
และสถานีให้ความรู้ Australian
Outback และ The Great Rift Valley of Ethiopia นับเป็นอีกสองโซนที่น่าสนใจในการแวะเวียนเข้าชม
แล้วคุณจะเพลินไปกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน
Jurong Bird Park
สวนนกแห่งใหญ่ที่สุดในเอเชียเปิดตั้งแต่ปี 1971 โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 20.2 เอเคอร์บนเนินเขา
มีนกกว่า
5,000 ตัว
กว่า 380 สายพันธุ์
ที่นี่มีกรงนกขนาดใหญ่ ที่ให้คุณเดินเข้าไปเยี่ยมชมได้โดยมีขนาด 3,000 ตร.เมตร
และสูงเท่ากับตึก 9 ชั้น
อันเป็นที่อยู่อาศัยของนกแก้วสีสันสดใสถึง 15 ชนิด ซึ่งถือเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบมากที่สุดแห่งหนึ่งที่คุณสามารถป้อนน้ำหวานนกอย่างใกล้ชิด
จุดอื่นที่ไม่ควรพลาดคือ African Waterfall Aviary ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของนก Hornbill และนก Toucan นอกจากนี้ยังมีโซน Penguin Coast, Macaw Island,
Flamingo Lake และ Heliconia Repository รอให้คุณไปเยี่ยมชมโดยที่นี่เป็นสวนนกแห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิก
ที่มีโรงพยาบาลรักษานกอยู่ในอาณาเขตโดยมีศูนย์การแพร่ขยายพันธุ์และวิจัย
เพื่อดูแลความเป็นอยู่และการขยายพันธุ์ และเป็นสถานที่ให้ความรู้เกี่ยวกับชีวิตนก
อีกทั้งยังมีศูนย์กู้ภัยนกอีกด้วย Birdz of Play คือสนามเด็กเล่นสำหรับเด็กแห่งใหม่ล่าสุด
ที่แบ่งเป็นโซนน้ำ และโซนสนามเด็กเล่นให้ได้วิ่งเล่นกันได้อย่างสนุกสนาน
Night Safari
คือสวนสัตว์ที่เปิดให้คุณเข้าชมสัตว์ออกหากินในเวลากลางคืนแห่งแรกของโลกเปิดตั้งแต่ปี 1994 โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 35 เอเคอร์
มีสัตว์มากกว่า 2,500 ตัว
มากกว่า 130 ชนิด
โดย 38% เป็นสัตว์ที่กำลังใกล้สูญพันธุ์
โซนใหญ่ของสวนสัตว์แห่งนี้ออกแบบเพ่อการนั่งรถรางชมสัตว์ 35 นาที
โดยลัดเลาะไปตามโซนทั้ง 7 แห่ง
ตามภูมิภาคต่างๆของโลก ตั้งแต่ตีนเขาหิมาลัยจนไปถึงป่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในระหว่างทริปจะมีการบรรยายสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับความสำคัญในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์หายากแก่นักท่องเที่ยว
ในโซนของทางเดินที่เชื่อมต่อกันเปิดโอกาสให้คุณได้ใกล้ชิดกับสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์นานาชนิด
เช่น ตัวนิ่ม และเสือลายเมฆ ส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ได้แก่ Creatures of the Night Show ที่ให้คุณชมการล่าเหยื่อของสัตว์ดุร้าย
และสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของเหล่าสัตว์ที่ออกหากินในเวลากลางคืน
ทั้งยังมีการแสดงของชนเผ่า Thumbuakar ที่จะโชว์การกินไฟในขณะเต้นรำแบบพื้นเมือง
สัตว์ที่ได้รับความนิยมใน Night Safari คือ Chawang ช้างสายพันธุ์เอเชียนบูล
ผู้ให้กำเนิดลูกช้างมาแล้วถึง 4 ตัว
จากความสำเร็จนี้
ทางสวนสัตว์จึงต้องการที่จะเป็นตัวแทนในการรักษาสายพันธุ์ช้างเอเชียสืบต่อไป
คุณสามารถชมช้างกลุ่มนี้ได้จากรถรางนำเที่ยวของ Night Safari
คือสวนสัตว์แห่งแรกของเอเชียที่แบ่งโซนของสัตว์ตามธีมแม่น้ำต่างๆ
สวนสัตว์แห่งนี้ล่าสุดเพิ่งได้รับรางวัลจาก Wildlife Reserves Singapore มีพื้นที่ทั้งหมด 12 เอเคอร์
และเป็นแหล่งที่รวมเอาพันธุ์ปลาน้ำจืดไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
สวนสัตว์แห่งนี้มีสัตว์กว่า 5,000 ตัว
แบ่งเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ถึง 42 ชนิด
โซนหลักของสวนสัตว์แห่งนี้
คือส่วนที่เปิดให้เข้าชมความเป็นอยู่ของสัตว์ต่างๆ
ที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดโดยจำลองมาจากแม่น้ำสำคัญๆ ของโลก เช่นแม่น้ำอะเมซอน
และแม่น้ำไนล์
River Safari จะนำคุณไปสู่การเดินทางเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำ
และสัตว์บกที่อาศัยอยู่บริเวณริมน้ำรวมไปถึงวัฒนธรรมต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในบริเวณนั้นๆคุณสามารถเดินชมแกลลอรี่สัตว์น้ำจืด
เพียงเดินผ่านโซนนิทรรศการ และขึ้นเรือล่องไปตามลำน้ำ
เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับดอกไม้ และสัตว์ที่อาศัยอยู่ริมน้ำที่น่าสนใจ อาทิ
นากแม่น้ำ กิ้งก่ายักษ์ ปลากระเบนน้ำจืดยักษ์ และปลาบึกจากลุ่มแม่น้ำโขง
ที่จะอาศัยอยู่ตามโซนต่างๆ ตามธีมที่จัดไว้ นอกจากนี้ยังมีแพนด้ายักษ์หนึ่งคู่
ที่อาศัยอยู่ในโซนลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง
คุณสามารถสัมผัสบรรยากาศของชีวิตสัตว์ริมน้ำ
และตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ระบบนิเวศของสัตว์น้ำจืดได้ที่นี่
Marina Barrage
ให้คุณตะลึงไปกับความอลังการของ Singapore Flyer และทิวทัศน์ของขอบฟ้าย่านธุรกิจที่สะท้อนอยู่ในผืนน้ำอันสงบนิ่ง
ณ Marina Barrage อ่างเก็บน้ำแห่งแรก
ใจกลางเมือง บนพื้นที่กว่า 10,000 เอเคอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเขตเมือง
สร้างขึ้นมาเพื่อเก็บสำรองน้ำ และควบคุมปริมาณน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์น้ำท่วม
นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นบริเวณ Central Courtyard และ Green Roof ยังเหมาะกับการพักผ่อนสำหรับครอบครัวและคู่รัก
Sustainable Singapore Gallery เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าแวะเวียนเข้าไปเพื่อค้นพบเรื่องราวเกี่ยวกับการรักษาสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ที่นำเสนอได้อย่างสนุก น่าสนใจและไม่ซ้ำใคร
นอกจากนี้ยังมีผลงานทางศิลปะจากศิลปินต่างชาติมากมายให้คุณเยี่ยมชม
เพิ่มประสบการณ์ความสนุกให้ครอบครัวด้วยกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พายเรือ
โต้คลื่น พายเรือคายัค หรือนั่งเรือมังกรล่องไปในอ่างเก็บน้ำ
Singapore Art Museum
พิพิธภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ National Heritage Board of
Singapore เปิดดำเนินการในเดือนมกราคม 1996 มีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนองานศิลปะแนวร่วมสมัยของประเทศสิงคโปร์
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชีย นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานศิลปะร่วมสมัยของภูมิภาคไว้ได้เป็นอย่างดี
รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการที่ส่งเสริม แนะนำการสร้างสรรค์งานศิลปะ
และสไตล์ที่ใช้ในการสร้างสรรค์ แนวใหม่ไปสู่สาธารณชน
รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบศิลปะร่วมสมัย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สร้างจากโรงเรียนในศตวรรษที่ 19 และได้นำเสนอผลงานศิลปะร่วมกับพิพิธภัณฑ์ชั้นนำในต่างประเทศ
ผลงานที่นำมาจัดแสดงจะครอบคลุมงานศิลป์ จากทั้งภายในประเทศ
และต่างประเทศรวมไปถึงการแสดงออกางศิลป์ที่ล้ำยุค ศิลปะร่วมสมัยของประเทศสิงคโปร์
ได้รับการเผยแพร่ไปยังต่างประเทศผ่านโครงการนิทรรศการสัญจรและการให้แสดงผลงานเพื่อการออกนิทรรศการชั่วคราวจากเจ้าของงานศิลปะ
SAM & 8Q คืออาคารของพิพิธภัณฑ์ที่ต่อเติมเพิ่มขึ้นมาในเดือนสิงหาคม 2008 เป็นขยายพื้นที่เพื่อนำเสนอผลงานศิลปะที่มีความสดใหม่
โดยการใช้รูปแบบวิธีการที่หลากหลาย มีความเป็น interactive มุ่งเน้นด้านชุมชนเป็นหลัก
มาวันนี้ SAM คือสถานที่ที่ประชาชนสามารถสัมผัสความหลากหลายของศิลปะร่วมสมัยโดยตรงในรูปแบบต่างๆตั้งแต่ภาพวาดไปจนถึงประติมากรรม
การนำเสนอแบบจัดวางภาพยนตร์และวิดีโอ ภาพถ่าย สื่อแนวใหม่ ศิลปะการแสดงและเสียง
มาเรียนรู้แนวคิดของวิถีศิลปะของศิลปินจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และเชื่อมโยงเข้ากับผลงานที่สวยงามและโดดเด่น
มุ่งเน้นสังคมสร้างสรรค์โดยศิลปินในประเทศได้ที่นี่
The Esplanade
Esplanade
Theatres on the Bay อยู่บริเวณริมอ่าวมาริน่า
นำเสนอประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยไลฟ์สไตล์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น อาหาร การช็อปปิ้ง
และการแสดงทางศิลปะ Esplanade มีพื้นที่สำหรับจัดการแสดงระดับมาตรฐานโลก
ที่พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และบริการเต็มรูปแบบ จึงทำให้ Esplanade เหมาะที่สุดสำหรับการจัดงานแสดงทางศิลป์
ไม่ว่าจะชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ และยังเหมาะกับการเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ
ด้วยพื้นที่ที่สามารถรองรับคนได้ถึง 10 จนถึง 2,000 คน Esplanade ตอบสนองได้ทุกความต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงศิลปะหรือการประชุมระดับสูง
Red Dot Museum
คือ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยด้านการออกแบบแห่งแรกในเอเชีย
ผู้เข้าชมจะมีโอกาสได้ชมผลงานนิทรรศการกว่า 1,000 ชิ้น
และเจ้าของผลงานทุกชิ้นต่างได้รับรางวัล International Red Dot Design Award ซึ่งเป็นการประกวดงานออกแบบที่ยิ่งใหญ่อีกงานหนึ่งในโลก
ผลงานที่นำมาแสดงจะอยู่ในหมวดการออกแบบผลิตภัณฑ์ และการออกแบบเพื่อการสื่อสารจาก 55 ประเทศ
NUS Museum
มีหน้าที่สำคัญในการช่วยเหลือสนับสนุนในการผลิตผลงานศิลปะ
การรับรองและการอนุรักษ์รวบรวมองค์ ความรู้ ผ่านการพัฒนาการรวบรวมผลงาน
การดูแลจัดการพิพิธภัณฑ์ การพัฒนาความร่วมมือกันภายนองค์กรด้วยกันเองและพันธมิตรในอุตสาหกรรมด้านมรดกและวัฒนธรรม
รวมถึงผู้ที่อยู่ในแวดวงศิลปะระดับโลก
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้
เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ (NUS) โดยมีการแสดงผลงานที่หลายหลาย อาทิ
จีนคลาสสิค งานวัสดุจากอินเดีย รวมไปถึงงานศิลปะร่วมสมัยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยผลงานที่นำมาจัดแสดง และการดูแลจัดการพิพิธภัณฑ์
ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งการเรียนรู้และวิจัย
ถือเป็นการต่อยอดความตั้งใจที่ต้องการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิดและการทำงานของผู้คนโดยผ่านการศึกษา
การวิจัยและการบริการ ในปี 2004 ที่ผ่านมา
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ NUS Centre For the Arts (CFA) หน่วยงานส่งเสริมผลงานด้านศิลปะในหลากหลายรูปแบบที่เน้นการสนับสนุนคุณภาพและการขยายตัวของงานศิลปะใน NUS, สิงคโปร์และที่อื่นๆงานศิลปะกว่า 7,000 ชิ้นที่นำมาจัดแบ่งเป็น 4 คอลเลคชั่น
คือ The Lee Kong Chian Collection งานศิลปะของจีนทั้งในแบบโบราณและร่วมสมัย; The South and Southeast Asian
Collection งานประติมากรรมของอินเดียในสไตล์คลาสสิคและโมเดิร์น
และ The Ng Eng Teng Collection
งานประติมากรรมของสิงคโปร์ในยุคหลัง และงานด้านวัฒนธรรมกว่า 1,000 ชิ้น The Straits Chinese Collection จัดแสดงอยู่ใน Baba House
Gillman Barracks
Gillman Barracks (GB) คือจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่สนใจงานแสดงศิลปะร่วมสมัยแห่งเอเชียเป็นศูนย์รวมแห่งงานสร้างสรรค์
นิทรรศการศิลปะและการสนทนาเกี่ยวกับงานศิลปะร่วมสมัย โดยชื่อของแกลลอรี่แห่งนี้
มาจากนายพลชาวอังกฤษ Sir
Webb Gillman และในสถานที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์บัญชาการหน่วยกองพัน
ของกองทัพทหาร Middlesex ปัจจุบันค่ายทหารยุคล่าอาณานิคมแห่งนี้ได้กลายเป็นแกลลอรี่
ศูนย์รวมธุรกิจงานสร้างสรรค์ และศูนย์รวมของศิลปะร่วมสมัย (Centre for Contemporary Art :
CCA)
ในขณะที่แกลเลอรี่ต่างประเทศมักนำเสนอนิทรรศการงานศิลปะร่วมสมัยที่หลากหลาย
และผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆศูนย์รวมของศิลปะร่วมสมัย จะสนับสนุนงานศิลปะแนว visual arts landscape ของภูมิภาคผ่านศิลปินต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศ
งานวิจัยและนิทรรศการต่างๆ
ศูนย์รวมของศิลปะร่วมสมัย (Centre for Contemporary Art :
CCA) ได้ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์รวมศิลปะร่วมสมัยที่สำคัญแห่งหนึ่งในเอเชีย
The Asian
Civilizations Museum
The Asian
Civilizations Museum (ACM) คือพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในภูมิภาคที่นำเสนอความเจริญและวัฒนธรรมแห่งเอเชียอย่างกว้างขวาง
เต็มไปด้วยมุมมองที่หลากหลาย ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของสิงคโปร์
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้สนับสนุนความแตกต่างของวัฒนธรรมเพื่อทำให้สิงคโปร์เป็นสังคมแห่งความหลากเชื้อชาติ
เมื่อ 200 ปีก่อน
บรรพบุรุษของสิงคโปร์จากหลายแห่งในเอเชียเดินทางเข้ามาตั้งรกราก ณ แผ่นดินนี้
ทำให้สิงคโปร์ได้รับวัฒนธรรมหลากหลายจากกลุ่มคนที่แตกต่างกัน นี่คือสิ่งที่ ACM มุ่งเน้นในการนำเสนอ
ดังนั้นผลงานของพิพิธภัณฑ์จึงเน้นไปในเรื่องของวัฒนธรรมที่แตกต่างของกลุ่มชนต่างๆใน
จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันตก
The Peranakan Museum
แหล่งรวบรวมวัฒนธรรมของชุมชนเปอรานากัน
แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ในโรงเรียน Tao Nan Chinese School ที่สร้างขึ้นในปี 1912 ปัจจุบันเป็ฯที่รวบรวมผลงานที่ดีที่สุด
และครอบคลุมวัฒนธรรมของเปอรานากันไว้มากที่สุด โดยแกลลอรี่ทั้ง 3 ชั้นจัดแสดงประเพณี
วัฒนธรรม และผลงานศิลปะที่โดดเด่นของชาวเปอรานากัน
พิพิธภัณฑ์ได้มอบประสบการณ์ต่างๆที่ช่วยส่งเสริมและให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป
ผ่านวัฒนธรรมความเป็นอยู่ขอชุมชนเปอรานากันในประเทศพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Asian Civillsation Museum ภายใต้การดูแลควบคุมของ Nation Heritage Board
Paranakan
Museum จัดแสดงงานศิลปะ โดยแบ่งออกเป็น 10 แกลเลอรี่
แวะชมและสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างของวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ที่นี่
National Museum of Singapore
ย้อนกลับไปในปี 1887 พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสิงคโปร์ได้เปิดทำการเป็นครั้งแรก
และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ แต่เต็มไปด้วยแนวคิดที่ทันสมัย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่ดูแลสมบัติแห่งชาติถึง 10 ชิ้น และในส่วนขง Singapore History and Living
Galleries ได้มีการนำเอาวิธีการที่ทันสมัยมาใช้ในการนำเสนอประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นับเป็นแลนด์มาร์คของสิงคโปร์และมักเป็นเจ้าภาพในการจัดเทศกาล
และกิจกรรมต่างๆตลอดทั้งปี อาทิ Night
Festival การจัดแสดงนิทรรศการในรูปแบบงานศิลปะจัดวาง
การแสดงบนเวที และการฉายภาพยนตร์เพื่อเป็นการนำเสนอการกระตุ้นความคิดที่เกี่ยวข้องกับงานสร้างสรรค์โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก
และการบริการต่างๆทั้งอาหาร เครื่องดื่ม
ร้านค้าและศูนย์ข้อมูลที่คอยให้การสนับสนุน
แวะชิมแวะชิลล์
ความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่สิงคโปร์ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น
ต่างหล่อหลอมกันเป็นอาหารจานเด็ดที่ได้รสชาติเยี่ยมไม่แพ้ต้นตำรับ
สิ่งที่สะท้อนความแตกต่างหลากเชื้อชาติของสิงคโปร์ก็คือ เมนูนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น
จีน มาเลย์ อินเดีย หรือ เปอรานากัน อาหารลูกผสม จีน-มาเลย์
ที่คุณสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามร้านอาหารที่เรียงกันยาวเหยียดในแต่ละพื้นที่
หากคุณมีโอกาสได้ลัดเลาะไปตามเขตต่างๆแล้วล่ะก็ ทั้งอาหารมาเลย์สูตรอิสลาม
หรือมังสวิรัติแบบอินเดียตอนใต้ รวมไปถึงนานและข้าวหมกสไตล์อินเดียตอนเหนือ
ติ่มซำกวางตุ้ง ข้าวมันไก่ไหหลำ เป็ดปักกิ่ง หมี่ฮกเกี้ยน (หมี่กรอบจากมณฑลผูเจี้ยน) หรือจะเป็น
ปอเปี๊ยะ ต่างเรียงรายให้คุณได้ลิ้นลองทั้งในฟู้ดเซ็นเตอร์ และร้านอาหารทั่วประเทศ
Chinatown Food Street
ที่ไชน่าทาวน์
คุณจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่สนุกสนานในทุกตรอกซอกมุมของร้านห้องแถวสุดแนว
ที่มีการตกแต่งใหม่ด้วยสีสันสไตล์โมเดิร์น
ด้วยรูปแบบการรับประทานอาหารกลางแจ้งจะทำให้คุณได้พบกับผู้คนที่แวะมาหาอะไรรองท้องก่อน
ไปต่อกันที่ คลับใกล้ๆ อย่าง Clarke
Quay และ Tanjong
Pagar
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ย่านไชน่าทาวน์แห่งนี้เหมาะกับการเป็นฉากหลังให้คุณถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง
อีกทั้งยังเป็นย่านที่เหมาะกับกลุ่มครอบครัวที่ต้องการพูดคุยกันระหว่างมื้อซีฟู้ดบาร์บีคิว
และอาหารที่คุณไม่ควรพลาดชิมก็คือ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา และชาร์ก๋วยเตี๋ยว (ก๋วยเตี๋ยวผัดใส่หอยลายสด)
Singapore Food Trall at Singapore
Flyer
เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าบรรยากาศการกินของสิงคโปร์ในวันวานเป็นอย่างไร
ลองแวะไปที่ Singapore
Food Trall รูปแบบการรับประทานอาหารที่กำลังอินเทรนด์อยู่ตอนนี้
ด้วยการเสนออาหารสุดฮิตในยุค 60 กลางใจเมืองสิงคโปร์
แหล่งรวมอาหารริมถนนในสไตล์ดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็น น้ำแข็งใส หรือ ถั่วแขกทอด
นอกจากนี้ของตกแต่งร้านอันเก่าแก่บวกกับร้านค้าในแบบ retro ช่วยแต่งเติมให้คุณได้รสชาติของความโบราณอย่างแท้จริง
ศูนย์อาหารแห่งนี้มีที่นั่งมากกว่า 600 ที่
ดีไซน์โดยเอาของตกแต่งในอดีตมาประกอบ
ซึ่งรวมไปถึงแผงอาหารร้านค้าริมถนนที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศการรับประทานอาหารให้ได้รสชาติยิ่งขึ้น
ในส่วนบริเวณภายนอก ได้ติดกันสาดไว้ตลอดแนวเพื่อความสบายสำหรับผู้ที่ต้องการนั่งรับประทานด้านนอกอาคาร
และยังสามารถรำลึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ได้จากอาหารในศูนย์อาหารแห่งนี้ด้วย
อาหารนานาชาติจากร้าน Rong
Chen Bah Kutteh, Boon Tat Street Barbeque Seafood, Katong Keah Kee Fried
Oysters และ Alhambra Satay Club
Rasapura Masters Marina Bay Sands
Rasapura Masters แหล่งประชันอาหารริมถนนและแผงลอยขั้นเทพที่ปรุงโดยเชฟที่มีรางวัลระดับนานาชาติการันตี
เต็มที่ไปกับรสชาติแท้ๆ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับจานยั่วน้ำลายจาก สิงคโปร์
มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม
Makansutra Gluttons Bay
ศูนย์อาหารแผงลอยสไตล์ชิลล์ๆ
ที่ให้คุณเปิดรับบรรยากาศธรรมชาติกับที่นั่งใต้เต็นท์ผ้าใบขนาดใหญ่ริมอ่าวมาริน่า
มีความงดงามราวภาพวาดใกล้ๆโรงละคร The Esplanade ที่ร้านอาหารรถเข็นแนวย้อนยุคอันหลากหลาย
ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยต่างรายล้อมไปทั่วบริเวณร้านเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกแล้วจากกูรูด้านอาหารอย่าง KF Seetoh จาก Makansutra โดยเป็นการคัดเลือกจากอาหารจานโปรดของชาวสิงคโปร์
Maxwell Food Center
สัมผัสบรรยากาศการรับประทานอาหารตามสไตล์สิงคโปร์แท้ๆ
ใจกลางย่านไชน่าทาวน์ ณ ศูนย์อาหารที่รวมแผงอาหารไว้กว่า 100 ร้าน
ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งรวมอาหารท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์
แม้ว่าศูนย์อาหารแห่งนี้จะแน่นขนัดไปด้วยร้านค้ามากมาย
แต่อาหารที่จำหน่ายมีความหลากหลายจนทำให้คุณอดใจไว้ไม่อยู่
อาหารจานเด็ดที่คุณต้องลองคือ ข้าวมันไก่ Tian Tian โจ๊กหมูโบราณใส่ไข่ร้อยปีจากร้าน Zhen Zhen Porridge และจานยอดฮิตอย่างชาร์ก๋วยเตี๋ยวจากร้าน Marina South Delicious Food Stall
Lau Pa Sat Festival Market
Lau Pa Sat (หรือตลาดเก่า ในภาษาฮกเกี้ยน) เคยเป็นตลาดสดแห่งแรกของสิงคโปร์เมื่อ 150 ปีที่แล้ว
ในยุคสมัยของ Sir Stamford
Raffles ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์
ตลาดแห่งนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นสวรรค์แห่งอาหารเลื่องชื่อ
และได้รับการยกให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติตั้งแต่ปี 1973 ภาพของรถเข็นแร่ขายของในอดีตอันคุ้นตาที่ Lau Pa Sat ได้เปลี่ยนเป็น Food Court สไตล์นั่งเล่นสบายๆ
รับลมริมระเบียง และร้านติดแอร์สะอาดสะอ้าน แต่เสน่ห์แบบย้อนยุคกลับไม่ได้จางหายไป
บริเวณด้านนอกยังคงมีแผงขายสะเต๊ะให้คุณได้ลองรับประทาน
ส่วนอาหารจานพิเศษอย่างปูผัดเผ็ดและหอยลายนึ่งเสิร์ฟพร้อมซีอิ๋วดำรสจัด
สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ลิ้มลองได้ทุกเมื่อ
ในขณะที่ร้านหมี่ผัดฮกเกี้ยน
และข้าวมันไก่ยังคงเป็นร้านยอดฮิตตลอดกาลไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แม้เวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม
Tiong Bahru Market Food Center
ตั้งอยู่ในทำเลอันเก่าแก่
และมีเสน่ห์แห่งหนึ่งของสิงคโปร์ สร้างขึ้นเมื่อปี 1950 เป็นอาคารชั้นเดียว
จนกระทั่งในปี 2006 ได้มีการปรับปรุงในเป็นตึก 3 ชั้น
ประกอบไปด้วย แผงขายสินค้า บริเวณชั้นล่างสุด แผงขายอาหารพร้อมรับประทาน
บริเวณชั้น 2 และที่จอดรถบริเวณชั้น 3 ซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์อาหารขนาดใหญ่อันดับ 4 ของสิงคโปร์โดยมีแผงขายของทั้งหมด 259 ร้าน
และแผงขายอาหารถึง 83 ร้าน
และด้วยความที่ตลาดแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยร้านดังมากมายจึงทำให้ตลาดเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่นักท่องเที่ยว
และชาวสิงคโปร์
Sea foods Restaurants
ชวนชิมอาหารทะเล
No Signboard Seafood
หากใครเพิ่งเคยได้ยินชื่อร้านอาจจะขำกับความประหลาดของชื่อนี้
ซึ่งจริงๆ
แล้วเป็นชื่อที่ได้มาจากลูกค้าซึ่งเข้ามารับประทานซีฟู้ดในร้านอาหารแห่งนี้นั่นเอง
ร้านอาหารทะเลแห่งนี้ก่อตั้งในปี 1981 จนปัจจุบันร้านเป็นที่รู้จักไปทั่วเกาะ เนื่องงาจากสูตรอาหารที่สร้างสรรค์และไม่เหมือนใคร
นอกจาก Chill crab อันโด่งดังแล้ว Crispy cereal crayfish ยังเป็นอีกหนึ่งจานสุดฮิตอย่างไม่ต้องสัยความชุ่มฉ่ำและความสดของเครย์ฟิชที่เคลือบด้วยซีเรียลรสหวานคือความเป็นที่สุดแห่งรสชาติ
ในขณะที่ความกรอบช่วยให้ความสุขแห่งการรับประทานออกรสเป็นอย่างดีเมื่อทานคู่กับข้าว
หากคุณเป็นแฟนตัวจริงที่ชื่นชอบความหวานของเต้าหู้เนื้อเนียนยิ่งไม่ควรพลาดเมนูนี้
Jumbo Seafood
อาหารจานเด็ดที่อยู่คู่กับเมนูซีฟู้ดของสิงคโปร์มาช้านาน
ก็คือ Chill crab และไม่มีที่ไหนให้คุณอร่อยไปได้มากกว่าที่ Jumbo Seafood ที่เริ่มกิจการตั้งแต่ปี 1987 โดยทั้งหมด 7 สาขาทั่วทั้งเกาะ
การปรุงรสชาติอย่างสดๆ
สไตล์คนจีนในสิงคโปร์ทำให้ปูพริกสดผสมพริกไทยดำของทางร้านเป็นที่เลื่องลือ
นอกจากนี้ Crispy baby
squid และ Sambal
kangkong คืออาหารจานพิเศษที่คุณต้องลิ้มลองคุณสามารถมั่นใจได้กับความสดของปู
เพราะในแต่ละวันทางร้านเสิร์ฟปูสดๆ กว่าหนึ่งตันให้กับลูกค้ากว่า 4,000 คน
หากมีโอกาสได้แวะเวียนมาที่ร้านคุณต้องไม่พลาดรสชาติความสดของปูแห่งร้าน Jumbo Seafood
ชิมชิลล์ริมน้ำ
Riverside
Restaurant
Clarke Quay
Clarke Quay ศูนย์รวมร้านค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นร้านขายของแอนทีคสำหรับแต่งบ้าน
ร้านอาหารคาแฟ ฮิปๆ แจ็ส และอีกหลายร้านที่ต่างเป็นสีสันให้กับย่านรับประทานอาหาร
ละความบันเทิงของสิงคโปร์แห่งนี้ในช่วงเวลากลางคืน ไฟที่เห็นจากตัวอาคารที่แบ่งออกเป็น5ส่วน
และคลับทุกแบบทุกสไตล์ที่ต่างเรียงรายอันเป็นภาพที่น่าประทับใจคลับต่างๆมีความทันสมัยแบบตะวันตกและมีหลายร้านให้เลือกมากมาย
จึงทำให้ย่านนี้เป็นจุดรวมให้กับทุกคนทั่วโลก
ความบันเทิงในย่าน Clarke Quay ไม่ได้จำกัดอยู่ในส่วนอาคารเท่านั้น
แต่รวมไปถึงลานน้ำพลุที่ช่วยสร้างบรรยากาศสนุกสานาให้กับนักท่องเที่ยวกลางคืนที่แวะเวียนมาในย่านนี้
ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน หรือกลางคืน คุณสามารถเพลินไปกับอาหารนานาชนิด
เครื่องดื่มดนตรี และความบันเทิงอีกนับไม่ถ้วนได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเพียงทางเดินริมน้ำ
และถนนที่ออกแบบอย่างสวยงามคั่นอยู่ระหว่างร้านค้าในย่านนี้
Robertson Quay
หากคุณเดินเลย Clarke ขึ้นไป Robertson Quay เป็นอีกย่านที่รวมเอาร้านอาหารหลากหลายมากมายเข้าไว้ด้วยกัน
รวมไปถึงผับที่เสริฟอาหารในสไตล์ออสเตรเลียอย่าง Boomarang Bistro & Bar หรือ Brusseles Sprouts ร้านอาหารเบลเยี่ยมที่ให้คุณอร่อยกับหอยแมลงภู่เลิศรสคู่กับมันฝรั่งทอดพร้อมเบียร์ชั้นดีที่ให้คุณเลือกได้อย่างเต็มที่
และหากสนใจลองรับประทานอาหารฝรั่งเศส คุณต้องไม่พลาดแวะมาที่ร้าน Brasserie Wolf
เมื่อความมืดย่างกลายเข้ามา Malted Milk และ Bar Bar Black Sheep คือบาร์ที่เรียกลูกค้าได้ทั้งชาวสิงคโปร์
และชาวต่างชาติ แต่หากคุณเป็นนักดื่นตัวยง
ลองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี ได้ที่ Verr Wine Du Whisky ส่วนคอไวน์จากฝั่ง Old Worle และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนมหวาน Laurents Café & Chocolate
Bar มีขนมอร่อยให้คุณเลือกรับประทานได้อย่างจุใจ
Boat Quay
Boat Quay คือย่านบุกเบิกของการเป็นแหล่งรวมความบันเทิง
ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารสุดหรูหรืร้านนั้นสบายๆแบบรับลม
และยังรวมไปถึงบาร์และผับที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ต่างอยู่รวมกันในย่านเดินเล่นสบายๆ แห่งนี้
โซนเที่ยวแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งเที่ยวโปรดปรานสำหรับกลุ่มที่คนทำงาน
และชาวต่างชาติที่มาทำงานที่นี้ เนืองจากทำเลออยู่บริเวณใกล้ออฟฟิต
และพวกเขาต่างมองหาที่เงียบๆ แต่เต็มไปด้วยพลังงาน
ที่จะชาร์ตแบตให้เต็มก่อนกลับไปสู่การทำงานอีกครั้งใครก็ตามหากได้แวะเวียนมาที่ Boat Quay ต่างติดใจย่านนี้ด้วยกัน
สวรรค์แห่งการช็อป
ION Orchard
ห้างสรรพสินค้าด้านหน้าของถนนออร์ชาร์ด ION Orchard คือแหล่งรวมสาขาใหญ่ของแบรนด์หรูชั้นนำมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น Ermenegildo
Zegna, Louis Vuitton และ Dior สำหรับผู้ที่นิยมความหรูหรามีสไตล์ในชีวิต
อาจห้ามใจไม่อยู่หากทราบว่า Prada สาขาใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิคก็รวมอยู่ใน ION Orchard เช่นกัน
อาคาร 2 ชั้น
ที่รวมเอาเทรนด์ล่าสุดของแฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ
และรองเท้าสำหรับสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษไว้ด้วยกัน
ทางเข้าห้างเชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี MRT Orchard ทำให้บริเวณใต้ดินทั้ง 4 ชั้นคับคั่งไปด้วยผู้คนมากมายทุกเพศทุกวัย
แบรนด์ดังอย่าง Topshop,
Fred Perry หรือ Armani Exchange ต่างดึงดูดกลุ่มนักช็อปที่เป็นนักเรียน
และกลุ่มคนทำงานได้อย่างไม่น่าแปลกใจ และหากคุณกำลังมองหาเครื่องสำอาง
รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากฝรั่งเศส ร้าน Sephora สาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
และใหญ่รองลงมาจากสาขาใหญ่ในฝรั่งเศสก็รวมอยู่ที่ ION Orchard แห่งนี้
โดยทางสาขามีสปาทรีทเมนต์ไว้บริการไม่ว่าจะเป็น สปาใบหน้า บอดี้ทรีทเมนต์ แวกซ์
และ บริการทำเล็บ
Knightsbridge
ห้างสรรพสินค้า 4 ชั้นในเครือ Park Hotel Group ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับโรงแรม 5 ดาว Grand Park Orchard ห้าง Knightsbridge คือห้างที่รวมร้านค้าแบรนด์เนมสาขาใหญ่ไว้ด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็น Malmaison by
The Hour Glass ร้านนาฬิกามีระดับอย่าง Patek Philppe และ Boutique Salons, ร้านรองเท้า Pierre Corthay, ร้านเครื่องประดับที่รวมคอลเลคชั่นบางส่วนของ vintage Cartier objet dart และน้ำหอมแบรนด์ดังอย่าง Frederic Malle นอกจากนี้ยังได้รวมเอาแบรนด์ดังจากฝั่งอเมริกาอย่าง Abercrombie & Fitch ไว้ด้วยโดยมีพื้นที่ถึง 21,000 ตร.ฟุต
ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียรองลงมาจากโตเกียว
และสิ่งที่พิเศษของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ก็คือ ที่นี่คือห้างแรกที่มีพนักงานต้อนรับไว้คอยบริการ
โดยคุณสามารถโทรนัดหมายเพื่อรับบริการจาก Fashion Concierge service จากสาขาใหญ่ของ Topshop ที่มีบริการผู้ช่วยส่วนตัวช่วยถือของให้
เพื่อประสบการณ์ช็อปปิ้งที่พิเศษที่สุดของคุณ
H&M Orchard Road
ร้านขายเสื้อผ้าของสวีเดนได้เปิดสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยเริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2011 ในพื้นที่ 3 ชั้น โดยแบ่งเป็นแผนกต่างๆ คือ
แฟชั่นสำหรับผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น และเด็กรวมไปถึงเครื่องประดับและรองเท้า
ที่ออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ของร้านกว่า 100 คน ทำให้มีคอลเลคชั่นเพิ่มขึ้นในร้านแทบทุกวัน
เรียกได้ว่าสามารถหาซื้ออะไรใหม่ๆ ได้ทุกครั้งที่แวะมาที่นี่
Orchard Central
โดดเด่นกว่าห้างสรรพสินค้าอื่นๆใน Orchard Road ด้วยรูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมภายนอกตัวอาคารที่การใช้เทคนิคดิจิตอลมาช่วยสร้างสีสันให้กับอาคาร
โดยที่ทางห้างได้จัดสินค้าประเภทเดียวกันให้อยู่โซนเดียวกัน
เพื่อความสะดวกในการช็อป โดยภายในห้างมีกำแพงจำลองในร่มขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ Via Ferrata โดยได้รับการขนานนามให้เป็นผลงานทางศิลปะสาธารณะขนาดใหญ่ สร้างสรรค์โดยศิลปินจากนานาประเทศ
นอกจากนี้ยังมี The
Roof Garden สวนดาดฟ้าที่เปิดให้เข้าไปได้ทุกวันทุกเวลา
ภายในมีร้านนั่งเล่นเพื่อรับประทานอาหารพร้อมรับลมเย็น และชมทัศนียภาพของเมือง
นอกจากนี้ยังมี Discovery
Walk ให้คุณได้ผ่อนคลายยามว่าง
313@Somerset
มีทางเชื่อมต่อกับสถานี MRT Somerset เป็นห้างที่ประกอบไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดัง
อาทิ Zara, Uniqlo, New Look, Esprit และ Forever 21 สาขาใหญ่ที่มีทั้งหมดถึง 4 ชั้น
และในส่วนร้านอาหารได้แบ่งออกเป็น 3 โซน
โดยมีความหลากหลายทั้งรสชาติ และความอร่อย
ซึ่งในส่วนที่เป็นสวนมีร้านสไตล์นั่งรับลม
พร้อมเสิร์ฟอาหารให้คุณขณะชมวิวของสิงคโปร์
Takashimaya
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จากญี่ปุ่นที่รวมเอาแบรนด์หรูเพื่อนักช็อปไฮโซโดยเฉพาะภายในประกอบด้วย
ร้านอาหาร สปา สถาบันลดน้ำหนัก แฟชั่น ฟิตเนส บริการซักแห้ง หรือแม้กระทั่ง Art gallery สินค้าที่จำหน่ายมีทั้ง
เครื่องกีฬา อุปกรณ์ศิลปะและงานฝีมือ แฟชั่นผู้หญิง ร้านเสริมสวย หนังสือ
สินค้าสำหรับเด็ก ของแต่งบ้าน
ในโซนอาหารมีจานอร่อยให้คุณเลือกชิมได้หลายรสชาติจากนานาประเทศ เช่น จีน เกาหลี
อินโดนีเซีย ไทย ญี่ปุ่น นอกจากนี้คุณสามารถเลือกซื้อแบรนด์แฟชั่นดังอย่าง Armani, Burberry,
Kenzo,DKNY,Pucci และ Christofle
Paragon
คือห้างช็อปปิ้งหรูบนถนน Orchard ที่รวมร้านแบรนด์ดีไซน์เนอร์
และสินค้ามีระดับกว่า 200 ร้านในพื้นที่ 6 ชั้น
ไม่ว่าจะเป็น Miu Miu,
Gucci, Alfred Dunhill, Salvatore Ferragamo หรือแบรนด์แฟชั่นอย่าง Armani Exchange, Diesel, Escada, G-Star, และ Miss Sixty นอกจากนี้สินค้ากีฬายังได้รวมทีมนำแบรนด์ดังอย่าง Nike, Adidas, Asics และ Pan West และเด็กๆจะต้องตื่นตาตื่นใจกับของเล่นและเสื้อผ้าในโซน Paragon Junior และ Toys R Us
บริเวณชั้นใต้ดินมีฟู้ดคอร์ทให้คุณอิ่มอร่อยตามต้องการ
นอกจากนี้ Paragon มีส่วนที่เป็นโรงพยาบาลโดยแบ่งเป็นแผนกดังนี้
คือ แผนกผ่าตัดศัลยกรรม แผนกทันตกรรม แผนกเอ็กซเรย์ แผนกสูตินารีเวช
คลินิกสำหรับผู้มีบุตรยาก และแพทย์ยาจีนแผนโบราณ
Bugis
Junction
แหล่งช็อปปิ้งที่รวมเอาสินค้าและบริการหลากหลายประเภทไว้ด้วยกัน
ที่แม้แต่นักช็อปตัวยงยังติดใจ
ห้างสรรพสินค้านี้แบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ
คือโซนห้างสรรพสินค้า
และโซนร้านค้ากลางแจ้งนอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในช็อปปิ้งคอมเพลกซ์ไม่กี่ที่ในสิงคโปร์ที่มีคาเฟ่เรียงรายอยู่บริเวณด้านนอกอีกด้วย
รูปแบบของห้างที่โดดเด่นคือ
ที่นี่มีถนนช็อปปิ้งที่ออกแบบให้มีกระจกล้อมรอบด้านบนเป็นแห่งแรกของสิงคโปร์
แบรนด์ที่สามารถตามหาได้ในห้างนี้ได้แก่ BHG, Topshop, Converse, Kinokuniya,Cotton On และยังรวมไปถึงโรงภาพยนตร์ Shaw Cinema อีกด้วย
Bugis Street
ย้อนกลับไปในยุค 50 Bugis Street มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากกิจกรรมยามค่ำคืน
ที่สาวประเภทสองออกมาประชันโฉมกันด้วยการจัดเต็มกับเสื้อผ้าสีฉูดฉาด
และมีการร่วมเดินพาเหรดร่วมกันอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมนี้สามารถเรียกร้องความสนใจจาก
นักเดินเรือ และกองทัพจากต่างแดนได้เป็นอย่างดี
ในช่วงเวลาเย็นๆทั้งถนนจะดูมีชีวิตชีวา จากการที่แร่ขายของราคาถูก
และอาหารจานอร่อยจนทุกคนจะเรียกตลาดกลางคืนนี้ว่า Pasar Malmคุณจะต้องติดใจกับประสบการณ์การช็อปที่สนุกสนานบนถนนคนเดินแห่งนี้
Chinatown
สินค้าที่พบเห็นได้ในย่านนี้คือ
ผ้าไหมเนื้อดี งานฝีมือโบราณ เครื่องประดับทองและหยก
หากคุณชื่นชอบสินค้าจากเมืองจีน ไม่ว่าจะเป็น ชา สมุนไพรจีน อาหาร
เครื่องใช้ภายในบ้าน ชุดกี่เพ้าโบราณ คุณไม่ควรพลาดที่จะลองเข้าไปใน Yue Hwa ห้างจีนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณแยกถนน Eu Tong Sen Street นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่งที่น่าแวะไป
อาทิ Chinatown Point, Peoples Park
Complex และ Chinatown Complex หากสนใจเทรนด์แฟชั่นใหม่ล่าสุด
อย่าลืมแวะเวียนไปแถวถนน Ann
Siang และ Club
Street ที่รอขายเสื้อผ้าแนวชิคๆให้คุณ
Marina
Bay คือ
สวรรค์แห่งนักช็อป
ที่ให้คุณซื้อทุกอย่างตามใจต้องการในร้านค้า
และห้างสรรพสินค้าหลายสิบร้าน ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นตามกระแส หรือ
สินค้าแบรนด์เนมร้านชิคๆ หรือ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอาทิ Marina Square, The Shoppes at
Marina Bay Sands, Millenia Walk, Raffles City Shopping Centre, Suntec City Mall ไม่ว่าสิ่งที่คุณตามหาคืออะไร
ที่นี่จะเป็นแหล่งช็อปที่รวมทุกสิ่ง ตั้งแต่แฟชั่นเสื้อผ้า
เครื่องประดับคอลเลคชั่นล่าสุด จนไปถึงสินค้าไอที
รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังเมื่อแวะมาที่ Marina Bay
Citylink Mall
ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มีพื้นที่กว้างถึง 350 เมตร โดยมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 60,000 ตร.ฟุต
และผู้เช่ากว่า 60 ร้านค้า
ทั้งร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง และอาหารเครื่องดื่มให้คุณเลือกอิ่มอร่อย
ห้างนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังของโลก Kohn Pedersen Fox มีการนำเอา skylights มาใช้ในห้องโถงขนาดใหญ่ทั้ง 2 ห้อง เพื่อให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามา
และ สร้างบรรยากาศภายใน ให้สว่างและปลอดโปร่ง
Raffles City Shopping Centre
ตั้งอยู่ในย่านเมืองใกล้ๆ
กับสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เป็นห้างที่เหมาะสำหรับขาช๊อป
ที่กำลังหาซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากร้านดังอย่าง Omega, Thomas Sabo, Cortefiel
และ Tommy Hilfiger
นอกจากนี้ยังมีร้านใหญ่ๆอย่าง Marks & Spencer และ Robinsons หรือร้านแฟชั่นนานาชาติมากมาย
อาทิ เช่น Topshop,
River Island และ Skyla ไม่เพียงเท่านี้ Raffles City มีทุกอย่างที่คุณต้องการไม่ว่าจะเป็น
หนังสือ เพลง เครื่องกีฬา ของเล่น แว่นตาหรือเครื่องสำอาง ส่วนของอาหาร
ภายในบริเวณห้างมีโซนร้านอาหารชั้นเลิศ อย่าง Double Bay และ Brotzeit ในโซนของโรงแรม Swissotel มีร้านดังตลอดกาลอย่าง Equinox Restaurant และ New Asia bar คุณสามารถเดินทางมาที่นี่ได้โดย MRT สถานี City Hall นับเป็นความสะดวกที่ช่วยให้คุณเดินทางมา
ช็อปปิ้งที่นี่ได้อย่างสบายๆ
Suntec City Mall
ห้างสรรพสินค้า Suntec City เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์
ภายในมี Fountain of Wealth ที่ได้รับการบันทึกไว้ใน Guinness Book of Records เมื่อปี 1998 ว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อาคารส่วนที่เป็นห้างสรรพสินค้า และออฟฟิตสร้างขึ้นมาตามหลักฮวงจุ้ย อาคารทั้ง 5 ส่วนถูกออกแบบมาเพื่อแทนนิ้วมือทั้ง 5 ของมือซ้าย
โดยมีน้ำพุตั้งอยู่ตรงกลางบริเวณ อุ้งมือ โดยเป็นสัญลักษณ์แทนความมั่งคั่ง
ในแต่ละช่วงของวัน ผู้ที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมจะได้รับเชิญให้เดินวนรอบน้ำพุเพื่อความเป็นสิริมงคล
และในยามค่ำคืนน้ำพุจะดูราวกับมีชีวิตด้วยแสงสีเสียงตระการตา ใน Suntec City มีร้านค้าให้เลือกช็อปถึง 300 ร้าน
ร้านรถเข็นขายอาหาร 50 คัน
ร้านอาหารและเครื่องดื่มอีก 100 แห่ง
ในส่วนที่เป็น mega mall แบ่งออกเป็น 4 โซน
คือ the Galleria โซนสินค้าแบรนด์เนม, the tropics โซนของใช้และบริการต่างๆในชีวิตประจำวัน, the fountain terrace แหล่งรวมอาหารและเครื่องดื่ม
และ The Entertainment Centre ที่ประกอบไปด้วย
โรงภาพยนตร์, ฟิตเนส, ตู้เกม และอื่นๆอีกมากมาย Suntec
City Mall เป็นห้างที่ช่วยให้คุณได้ทุกอย่างครบโดยไม่ต้องแวะไปที่อื่นอีกเลย
The Shoppes at Marina Bay Sands
คือห้างสรรพสินค้าแห่งใหญ่
ที่รวมสินค้ามีระดับทั้งแบรนด์อิมพอร์ต
หรือแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งแจ้งเกิดไว้ด้วยกันเป็นที่น่าสะดุดตาจากดีไซน์โมเดิร์น ที่ถูกออกแบบให้มีส่วนเปิดทำให้เห็นทัศนีภาพสวยงาม
น่าตื่นตาของแผ่นฟ้า Marina
Bay Skyline นอกจากนี้แสงอาทิตย์ที่ผ่านเข้ามาทางแผ่นกระจกบานใหญ่
ทำให้ภายในตัวอาคารมีความสว่าง โล่ง โปร่งตา
แนวคิดทันสมัยของห้างยังรวมไปถึง สนามสเก็ตและคลองภายในห้างที่ออกแบบขึ้นเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ
โดยมีบริการล่องเรือจีนที่สวยงามพาคุณนั่งชมไปทั่วบริเวณ
Millenia
Walk
หากว่าคุณกำลังมองหาแหล่งช็อปสินค้าแฟชั่นและของใช้ในชีวิตประจำวันที่ดีที่สุดแล้วล่ะก็ Millenia Walk คือจุดหมายปลายทางของคุณเพราะที่นี่
คือแหล่งรวมสาขาใหญ่ของร้านดังมากมาย อาทิ Harvey Norman ห้างจำหน่ายเครื่องไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์
และ Cortina Watch Espace ร้านนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
และที่มากกว่านั้น คุณยังสามารถเลือกซื้อสินค้าจาก Eyes@Work, Trixillini, Alain Figaret, และ
แบรนด์หรูจาก The Hour
Glass and BOSE by ALTAS หากคุณชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่น
แวะมาที่ PARCO Marina
Bay ห้างสรรพสินค้าที่รวมเอาแฟชั่นญี่ปุ่นและอาหารจานอร่อยจากแดนอาทิตย์อุทัยไว้ที่นี่นอกจากนี้
หากคุณต้องการลิ้มลองอาหารนานาชาติบริเวณด้านนอกของห้าง
ยังมีร้านอาหารขึ้นชื่อจากทั่วโลกเรียงรายกันถึง 280 เมตร อย่าลืมมองหา Paulaner Brauhaus สาขาแรกในสิงคโปร์
และร้านสเต็ก Outback
Steakhouse สาขาเดียวในสิงคโปร์ PARCO Marina Bay ออกแบบโดย Pritzker Architectural Prize
Laureate Phlip Johnson ที่มุ่งให้พื้นที่ภายในโล่งกว้าง
มีบรรยากาศที่สวยงามน่าเดินช่วยให้ประสบการณ์การช็อปของคุณเพลิดเพลินมากกว่าที่เคย
Funan Digital life Mall
คือห้างที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์
สำหรับการตามล่าสินค้าไอทีหรือเทคโนโลยี โดยห้างแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณ City Hall ระหว่างถนน Victoria และถนน North Bridge ห้างนี้ได้ชื่อว่าเป็น IT Mall ชั้นนำแห่งเอเชียที่สามารถเรียกนักช็อปทั่วสารทิศมาเลือกดูสินค้าดิจิตอลกันได้อย่างเต็มที่ Funan เป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีใหม่ๆ
ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น แลปท็อป คอมพิวเตอร์ พริ้นเตอร์ หรือแม้แต่กล้องดิจิตอล
และที่สำคัญคุณสามารถเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ร้านเพื่อให้ได้ดีลที่คุ้มค่าที่สุด Funan มีฟรี wifi ให้บริการ
คุณจึงสามารถลองใช้อินเตอร์เน็ตจากสินค้าที่เพิ่งซื้อมาได้ทันที
หากเดินช็อปจนได้ทุกอย่างครบแล้ว คุณสามรถแวะรับประทานอาหารจากร้านอร่อยมากมาย
หรือพักผ่อนกับความบันเทิงต่างๆที่รอคุณอยู่
Louis
Vuitton Island Maison
บ้านแห่งแรกของ Louis Vuitton ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตั้งอยู่บนเกาะลอยเหนือน้ำใกล้กับ Marina Bay sands โดยที่นี่มีพื้นที่ทั้งหมด 2 ชั้น
ซึ่งมี Travel Room แผนกที่เน้นจำหน่ายสินค้าประเภทกระเป๋าเดินทาง
และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่คุณไม่ค่อยพบเห็นจาก Louis Vuitton แห่งอื่นๆ เท่าไรนัก
นอกจากนี้ยังมีร้านหนังสือที่รวมเรื่องราวของการท่องเที่ยว ดีไซน์ ศิลปวัฒนธรรม
และมี art gallery รวมผลงานจากดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียงและคนดังอีกมากมายที่นี่คือแหล่งช็อปปิ้งชั้นเลิศที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
Little India
เป็นแหล่งรวมการประสานเสียงของแตรรถ
กระดิ่งจักรยาน และเสียงพูดคุยกันอย่างออกรสของคนที่อยู่ในละแวกนั้น
ไม่ว่าจะเป็นภาพ กลิ่นหรือเสียง คุณสามารถตามหาได้จาก Tekka Market ที่อยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าวจากสถานี MRT Little India
Tekka แหล่งรวมแผงลอยขายอาหารอินเดีย
มาเลย์ และจีน ที่รู้จักกันในหมู่ชาวสิงคโปร์จากทั่วสารทิศนอกจากนี้
ย่านนี้ยังมีส่วนที่เป็นตลาดสดที่มีทั้งผักสด เนื้อ ปลา เครื่องเทศและดอกไม้
หรือหากคุณกำลังตามหาของฝาก คุณสามารถเลือกซื้อหม้อ หรือตะเกียงน้ำมันทองเหลือง
หรือจะลองซื้อพวงมาลัยดอกมะลิที่ส่งกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Little India
กลิ่นฉุนของเครื่องเทศและดอกไม้นั้นตลลบอบอวลทั่วบริเวณถนน Serangoon,Campbell Lane,ถนน Dunlopและ
ถนนHindon ซึ้งเนแหล่งรวมสินค้าประเภทน้ำมันนวดอายุรเวช
ทอง ธูป และผ้าเนื้อต่างๆ ให้คุณเลือกมากมาย
และหากคุณมาถึงถิ่นนี้แต่ไม่ได้แวะไปที่ Mustafa Centre ห้างที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
อาจเรียกได้ว่ามาไม่ถึง Little
India เลยก็ว่าได้ ห้างนี้ตั้งอยู่บริเวณถนน Serangoon และ
ถนน Syed Alwi แม้ว่าห้างนี้อาจดูไม่โดดเด่นจากภายนอก
แต่ที่นี้คือขุมทรัพย์แห่งข้างของเครื่องใช้ภายในบ้าน ของตกแต่งบ้าน
อาหารสดและอาหารสำเร็จรูป เครื่องเทศอินเดีย เสื้อผ้า
เครื่องใช้ไฟฟ้าและของใช้จุกจิกในราคาถูกที่สุดในสิงคโปร์ ณ Little India แหล่งช๊อปปึ่งที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งนี้
Tekka Centre
Tekka Centre เป็นเป็นแหล่งช๊ออปิ่งที่รวมเอาตลาดสด
ฟู้ดเซ็นเตอร์ และแหล่งช๊อปปิ่งมอลล์
เข้าไว้ด้วยกันสถานที่แห่งนี้ยังเป็นศูนย์รวมของชุมชนหลากหลายเชื้อชาติ
จนทำให้ที่นี้เป็นเหมือนแหล่งรวมสินค้าจากนานาวัฒนธรรม Tekka Centre ที่มีชื่อว่า Kandang Kergau โดยเป็นศูนย์รวมของพ่อค้าชาวจีน
เจ้าของแผงรอยชาวอินเดีย และร้านค้าของชาวมาเลย์ที่ขายทุกอย่างตั้งแต่เสื้อผ้า
อุปกรณ์ฮาร์ดแวย์ต่างๆ และเครื่องใช้ทางศาสนา
จนไปถึงแฟชั่นและนาฬิกาตามสไตล์อินเดียแบบโบราณ
นอกจากนี้ยังมีร้านตัดเสื้อผ้าที่รับแก้ทรง และในบริเวณชั้นล่างสุดมีร้านอาหารหารห้เลือกอร่อยมากมายทั้งอาหารอินเดียภาคเหนือและภาคใต้
อาหารจีน อาหารมาเลย์
อีกทั้งตลาดสดบริเวณชั้นล่างที่ให้คุณเลือกซื้ออาหารทะเล ผัก ผลไม้สดๆ
ที่ส่งมาจากศรีลังกา และอินดีย
เทศกาลงานรื่นเริง
เทศกาลทางวัฒนธรรม
เทศกาลไทปูซัม(Thaipusam)
ช่วงเวลา : เดือนมกราคม
เทศกาลไทปูซัม(Thaipusam)เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่สำคัญทางศาสนาฮินดูของชุมชนชาวทมิฬที่อาศัยอยู่ในประเทศสิงคโปร์
โดยจะมีขบวนแห่ประจำปีเพื่อให้สาวกได้รวมขอพร กล่าวคำปฎิญาณตนและขอบคุณเทพเจ้า
การเฉลิมฉลองเป็นการนมัสการพระสุพรามานิยาร์ ที่รู้จักกันในนามพระเจ้ามุรุกัน
หรือพระขันทีกุมาร ผู้เป็นตัวแทนแห่งความดีงาน ความเป็นหนุ่มเป็นสาว
และพลังแห่งศาสนาฮินดู
อีกทั้งเป็นผู้ทะลายล้างความชั่วร้ายทั้งปวงงานเทศกาลจะมีขึ้นในช่วงพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 10 ของชาวทมิฬ
ที่เรียกว่า เดือนไทย จะอยู่ในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี
ในประเทศสิงคโปร์ การเฉลิงฉลองเทศกาลไทปูซัมจะเริ่มตั้งแต่เวลาเช้ามืด
โดยเหล่าผู้แสวงบุญจะทำการปฎิญาณตนด้วยการดิน 4.5 กิโลเมตร จากวัดSriSrinivasa Perumal ตามถนน Serangoon ไปถึงวัด Sri Thensayuthapani ที่ถนน Tark
สาวกกลุ่มแรกจะแบกหม้อนม
และเครื่องบูชากาวาดี (Kavadis) ซึ่งทำจากโครงไม้หรือโครงเหล็กครึ้งวงกลม 2 ชิ้นที่ประกอบลักษณะไขว้กันเพื่อที่เหล่าสาวกจะสามารถแบกขึ้นไหล่ได้โดยไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่งมักมีการตกแต่งด้วยดอกไม้ใบปาล์ม
และขนนกยูง ส่วนนมที่แบกมาจะนำไปไหว้สักการะพระสุพรามานิยาร์ ณ วัด Sri Then dayuthapain
เหล่าสาวกที่เสื่อมใสจะนำแท่งเหล็กแหลมแทงลิ้นในขณะที่เดินแบกซุ้มไม้ที่ประดับดอกไม้ไว้บนไหล่ส่วนกลุ่มผู้มีความศรัทธากลุ่มอื่นๆ
จะแบกเครื่องบูชากาวาดี(Kavadis)ที่มีหนามออกจากวัดตามหลังกลุ่มอื่นๆ
เนื่องจากต้องมีการเตรียมตัวที่ซับซ้อนและประณีตกว่า โดยจะออกเดินทางจากเช้าจนถึงค่ำเทศกาลนี้ไม้ได้จำกัดอยู่แค่เพียงสาวกที่มีเชื้อสายอินเดียเท่านั้น
แต่ชาวจีนและผู้เลื่อมใสเชื้อสายอื่นๆต่างร่วมมาปฎิญาณตนร่วมกันวันนั้น
เทศกาลนี้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพราะเต็มไปด้วยสีสันของการสวด
รวมถึงท่วงทำนองของกลองแขก หากคุณได้แวะมาสิงคโปร์
เทศกาลนี้คือเทศการแห่งศรัทธาอย่างแท้จริง
ที่คุณควรเป็นส่วนหนึ่งในพิธีแห่งความศักดิ์สิทธิของเทศกาลไทปูซัม(Thaipusam)
เทศกาลปองกัล(Pongal)
ช่วงเวลา : เดือนมกราคม
เทศกาลปองกัลป์ (pongal หรือ Sankaranthi) เดิมที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิงฉลองการเก็บเกี่ยวในอินเดียตอนใต้
ที่ประชากรประกอยอาชีพเกษตรกรรมในสิงคโปร์เทศกาลปองกัลป์คือการต้องรับการเริ่มต้น
เดือนที่ 10 ของชาวทมิฬ
ที่เรียกว่าเดือนไทย ซึ่งอยู่มนช่วงกลางเดือนมกราคมของทุกปี
การเฉลิมฉลองจัดขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณเทพเจ้าและใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน Pongal มีความหมายตรงตัวว่า
ต้มจนเดือด ดังนั้นหม้อข้าวในพิธีมักจะถูกทิ้งใหเดือดจนข้าวล้นออกมา
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสมบูรณ์เจริญรุ่งเรือง
วันแรกของเทศกาลปองกัลป์ เรียกว่า Bhogi Pongal คือวันแห่งการชะระล้างและกำจัดสิ่งเก่าๆเพื่อต้อนรับการเริ่งใหม่
และวันที่ 2 คือวันที่งานเฉลิมฉลอง Pongal ได้เริ่มขึ้น
ชาวฮินดูจะเริ่มต้นวันด้วยการเตรียม pongal (ข้าวเหนียวหวาน) ที่เป็นการ นำ นม
ข้าว และน้ำตาลมาต้มรวมกัน ในหม้อใหม่ซึ้งถือเป็นการนมัสการเทพเจ้า
เพื่อเป็นการตอบแทนพรที่ได้รับ
และในวันเดียวกันจะมีการแวะเยี่ยมเยือนไปตามบ้านต่างๆ วันที่ 3 เรียกว่า Mattu Pongal เป็นการบูชาวัวที่ช่วยในการปลูกไถ
และให้น้ำนม โดยจะนำวัวมาอาบน้ำ และทาสีที่เขาให้สวยงามประดับด้วยลูกปัดหลากสี
และคล้องคอด้วยกระดิ่งและมาลัยดอกไม้ วันที่ 4 เรียกว่า Kaanum Pongal เป็นวันที่สมาชิกอายุน้อยในครอบครัวต้องแสดงความเคารพต่อผู้สูงอายุ
Chinses New Year
ช่วง : เดือนกุมภาพันธ์
เทศกาลตรุษจีน
หรือวันปีใหม่ตามปฎิทินจันทรคติหรือเทศกาลแงฤดูใบไม้ผลิ ซึ้งถือเป็นเทศกาลที่คึกตักที่สุดแห่งปี
มีความยิ่งใหญ่และสำคัญมากต่อชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศสิงคโปร์
อีกทั้งยังได้รับความสนใจจากคนสิงคโปร์ทุกเพศทุกวัย
เทศกาลตรุษจีนจะเริ่มต้นในวันที่ 1 ของเดือนแรกตามปฎิทินจีน
และหมดวันที่ 15 โดยผู้คนจะนิยมแต่งตัวด้วยชุดใหม่ๆ
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการบ่งบอกถึงการเข้าสู่ปีใหม่ ในแต่ละครอบครัวจะทำความสะอาดบ้าน
เพื่อปัดกวาดโชคร้ายต่างๆและเปิดทางให้กับโชคลาภ นอกจากนั้นเทศกาลตรุษจีนจึงถือเป็นเทศกาลรวมญาติ
มีการแวะเยี่ยมเยียน พี่น้อง เพื่อนฝูง เรียกได้ว่านี้คือไฮไลต์ที่สำคัญที่เด็กๆ
และสมาชิกในครอบครัวอายุน้อยในครอบครัวต่างรอคอย เพราะจะมีการแจก อังเปา
หรือซองสีแดงที่มีเงินอยู่ข้างในจากแขกผู้มาเยือน อีกหนึ่งประเพณีที่สำคัญ
คือการได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกันระหว่าครอบครัวในเทศกาลตรุษจีน
ในเทศกาลนี้ถนนแทบจะทุกสายมีชีวิตชีวาจากเสียงเพลงจีนโบราณ
ภาพของโคมไฟสีแดงที่แขวนอยู่ทั่วไป
กลิ่นหอมที่ลอยมาจากแผงลอยขายอาหารยามค่ำคืนตามย่านต่างๆและย่านที่เป็นจุดสำคัญในการฉลองเทศกาลตรุษจีนคือไชน่าทาวน์ที่เต็มไปด้วยไฟประดับทั่วท้องถนน
ตลาดกลางคืนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมโชว์ที่ตระการตาโดยเฉพาะการเชิดสิงโต คนกินไฟพร้อมการแสดงกายกรรม
ที่เดินขบวนพร้อมกับพัดกระดาษขนาดใหญ่และร่มลวดลายต่างๆเข้ามายัง Kreta Ayer Square ด้วยโชว์ที่งดงามเป็นการแสดงบนถนนที่จะทำให้คุณประทับใจไม่มีวันลืม
สิงคโปร์เต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมายในช่วงเทศกาลตรุษจีนในแต่ละปีโดยไฮไลต์ของงานที่ไม่ควรพลาดมีดังนี้
1.
ChinhayParade ชิงเกพาเหรดที่เต็มไปด้วยภาพที่น่าตื่นตา
ไม่ว่าจะเป็น ขบวนคนกินไฟมายากล และการเต้นรำที่สนุกสนาน
เพื่อรองรับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นผู้จัดการจึงเลือกลานกว้างในสนามแข่งรถ Formula One บริเวณ Marana Waterfront Promenade เป็นสถานที่จัดงาน
2. River
Hongbao เป็นงานที่จัดขึ้นบนลานลอยน้ำที่ Marina Bay และทางเดินบริเวณ Esplanade Waterfront Promenade ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์
งานที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานของโชว์บนท้องถนน แผงขายสินค้า ซุ้มเกมส์ต่างๆรวมไปถึงโคมไฟและดอกไม้ไปที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการฉลองตรุษจีนเข้าชมอย่างคับคั่ง
3.เทศกาลประจำปี Huayi Festivel เป็นเทศกาลที่มีการแสดงผลงานทางศิลปะแบบโบราณ
และแบบประยุกต์นูปแบบของละครเวทีโอเปร่าดนตรี และวีดีทัศน์จัดวาง โดยศิลปินชาวจีนที่มีชื่อเสียงจากทุกมุมโลก
ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
เทศกาลฮารีรายอ
(Hari
Raya Aidilfitri)
ช่วงเวลา : เดือนกรกฎาคม
หลังจากที่ต้องอดอาหารตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นเป็นเวลา 30 วันในช่วงรอมฎอน
ช่วงเวลา 3 วันแรกของเทศกาลฮารีรายอ
คือเวลาแห่งการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ นับเป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยสีสัน
และความน่าสนใจ
เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้สัมผัสมรดกทางวัฒนธรรมที่ตกทอดมาจากมาเลย์เชีย
สำหรับชาวมุสลิม
ช่วงเดือนรอมฎอนคือช่วงเวลาแห่งการเสียสละ
การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเพื่อเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์การอดอาหารและเครื่องดื่มระหว่างวันถือเป็นการทำร่างกายรวมถึงจิตใจให้บริสุทธิ์
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน
ครอบครัวเพื่อนฝูงต่างมาร่วมตัวกันเพื่อสวดมนต์รับประทานอาหารร่วมกัน
บรรยากาศบนท้องถนน Geylang
Serai และถนน Kampong
Glam กลับมามีชีวิตชีวาด้วยการแสดง และตลาดบนท้องถนน
หากคุณไปเที่ยวสิงคโปร์ในช่วงรอมฎอน
นี้คือโอกาสที่ดีที่คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของเทศการอย่างใกล้ชิด
คุณสามารถเดินทางไปที่หมู่บ้านมาเลเซียดินแดนแห่งนี้ดึงดูดให้ผู้คนทุกเชื้อชาติแวะเวียนเข้ามา
และไม่ว่าคุณจะมาจากที่แห่งไหนคุณสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองได้นอกจากแสงไฟบนถนนที่ส่องสว่างและการตกแต่งในสไตล์โบราณ
ร้านขายของริมทางจะเปิดขายของตั้งแต่ช่วงบ่ายจนดึก
ไม่ว่าจะเป็นอาหารประจำชาติแฟชั่น ผ้า และสินค้าหัตถกรรม
นอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อชุดแบบโบราณที่เรียกว่า Baju Kurung ปลอกหมอนทอมือ
พรมเปอร์เซีย หรือกระเช้าดอกไม้เป็นของที่ระลึกกลับไป
จากการเฉลิมฉลองนี้ทำให้ในย่าน Geylang
Serai มีร้านค้าที่รับทำพวงกุญแจและป้ายสำหรับติดหน้าบ้าน โดยการแกะสลักด้วยมือและทาสีอย่างสวยงาม
ส่วนที่เป็นจุดสนใจหลักของตลาด
ก็คืออาหารต่างๆหากคุณไม่ได้ลองเค้กมาเลย์ที่เรียดว่า Kueh-Kueh จะถือได้ว่ามาไม่ถึงถิ่น
อีกทั้งขนมหวานทาร์ตสับปะรด Ondeh-Ondeh ที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าวสอดใส้ไว้ตรงกลาง
หรือ Putu Piring ขนมหวานนึ่งที่โรยด้วยมะพร้าวป่นและในช่วงเทศกาล 3 วันแรก
ตามประเพณีจะมีการเสิร์ฟอาหารรสเผ็ดหลายจาน เช่น แกงเผ็ดเนื้อ Rendang แกงกะหรี่ผัก Sayur lodeh และขนมเค้กที่ทำจากข้าวของชาวมาเลย์
ที่เรียกว่า Ketupat
เทศกาลสารทจีน
(Hungry
Ghost Festival)
ช่วงเวลา : เดือนสิงหาคม
ในเดือนสิหาคมของทุกปี
ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์จะมีประเพณีในการเคารพศพ เนื่องจากชาวจีนที่นับถือลัทธิเต๋า
มีความเชื่อว่าในช่วงเดือนนี้ ประตู่ไปสู่นรก
จะเปิดและวิญญาณจะได้รับอิสระในการออกมายังโลกมนุษย์
ประเพณีดังกล่าวจะเห็นได้อย่างชัดเจนในสิงคโปร์เอกลุ่มของผู้ศรัทธามาร่วมชุมนุมจุดธูป
และถวายของสักการะเช่น ส้มแมนดาริน หมูหัน ข้าวสวยและเค้กแบบจีน
ที่ทำขึ้นเทศเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะชาวจีนกลุ่มนี้มีความเชื่อในการบวงสรวงวิญญาณจะรวมตัวกันตั้งเต็นท์ในสนามเพื่อชมการแสดงเชิดหุ่นเงา Wayang และการแสดงดนตรีสด Getai นอกจากจะเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้าต่างๆยังมีช่วงที่เป็นทอร์คโชว์แบบตลกด้วยเสียงแปร่งๆมีการร้องเพลงเต้นรำด้วยสำเนียงจีนท้องถิ่นที่แตกต่างกันไป
เทศกาลนี้ผู้มีจิตศรัทธาสามารถเผากระดาษเงินในกล่องที่จัดเตรียมไว้
เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว
นอกจากนี้ยังมีแท่นบูชาวางอยู่หน้าบ้านหลายหลัง
พิธีกรรมต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นการบวงศรวงด้วยอาหารราคาหลายพันดอลล่าร์ ไปจนถึงการเล่นหุ้นกระบอกงิ้ว
และการร้องเพลง เป็นสิ่งที่ชาวจีนเชื่อว่า
เป็นสิ่งที่สามารถทำให้วิญญาณเร่ร่อนไปสู่สุคติ ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ
คุณสามารถไปตามย่านต่างๆ เช่น ไชน่าทาวน์, Redhill และ Geylang เพื่อสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่นเช่นนี้ได้
เทศกาลไหว้พระจันทน์
(Mid-Autumn
Festival)
ช่วงเวลา : เดือนกันยายน
เทศกาลไหว้พระจันทร์ เป็นเทศกาลที่มาจากตำนาน
และประเพณีของจีน ที่บรรพบุรุษของชาวสิงคโปร์นำมาสืบต่อจนถึงทุกวันนี้ โดยจะมีการเฉลิมฉลองกันในเดือนสิงหาคม
หรือ กันยายน เพื่อเป็นการระลึกถึงความเสียสละของ ฉางอี้
ภรรยาของกษัตริย์จีนที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย เมื่อหลายร้อยปีก่อน
นางได้ดื่มน้ำอัมฤตที่ทำให้ชีวิตอมตะ เพื่อที่จะได้กำจัดสามีที่มีแต่ความชั่วร้ายออกไปจากโลกนี้
เทศกาลไหว้พระจันทน์ ยังรู้จักกันดีในนามของ เทศกาลโคมไฟ
และเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์
เทศกาลไหว้พระจันทร์
เป็นการฉลองของชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีน และชาวจีนอพยพ
ตามประเพณีแล้วเทศกาลนี้เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัว ใช้เวลาร่วมกันเหมือนเทศกาลที่ขอบคุณพระเจ้าหากคุณต้องการสัมผัสกับบรรยากาศนี้ให้ไปที Chinatown แหล่งสีสันของชุมชนชาวจีนทำให้สนุกสนานกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการตกแต่งด้วยโคมจียขนาดใหญ่อย่างสวยงาม
แผงขายโคมกระดาษหลากรูปทรง และเปลี่ยนบรรยากาศมาทานขนมไหว้พระจันทร์รสชาติละมุนละไมตามแบบฉบับเดิม
ที่สามารถบันทึกความประทับใจ และเติมสีสันให้กับการเดินทางของคุณ
สำหรับนักชิมไม่ควรพลาดขนมไหว้พระจันทร์รสเลิศไม่ว่าจะเป็นรสชาติที่คุณเคยอย่างไส้เล็ดบัวไข่แดง
หรือจะลองในแบบรสชาติที่แตกต่างย่างไส้ทุเรียน ชอคโกแลต กาแฟ และไอศกรีม
เทศกาลตรุษดิ้ลอัฎฮาหรือฮารีรายฮัจจ์จี
(Hari
Raya Haji)
ช่วงเวลา : เดือนตุลาคม
เทศกาลฮารีรายอฮัจจ์จี (Hari Raya Haji)หรือเรียกว่าเทศกาลแห่งการเสียสละ
เฉลิมฉลองกันเป็นเวลา3 วันโดยชาวุสลิมทั่วโลก
เพื่อเป็นการระลึกถึง Prophet
Hijja ตามปฎิทินทางอิสลามหรือ 70 วันหลังเดือนรอมชอมอันศักดิ์สิทธิ์
โดยเป็นสันที่เหมาะสมที่สุดในการเยี่ยมชมการปฎิบัติตนตามหลักศิลธรรมของชาวมุสลิม
ที่เป็นการย้ำเตือนเกี่ยวกับการแบ่งบันความมั่นคั่งไปยังผู้ที่ยากจนกว่า
พอหมดวันชาวมุสลิมจะไปเยี่ยมครอบครัวและเพื่อนเพื่อทานอาหารกลางวัน
และสนุกสนานกับงานฉลองร่วมกัน
ในเขตเมือง
คุณสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานได้ที่ย่าน Geylang Serai และ Glam ย่านที่เต็มไปด้วยการขายของที่มีชีวิตชีวา
และพื้นที่ที่ตกแต่งให้เต็มไปด้วยสีสัน
บรรยากาศที่จะทำให้คุณและทุกคนในท้องที่ประทับใจไม่รู้ลืม
เทศกาลคริสต์มาส
(Christmas
in the Tropics)
ช่วงเวลา : เดือนธันวาคม
Chris in the tropics คืองานฉลองเทศกาลคริสต์มาสตลอดหนึ่งเดือนเต็ม
ที่นำความครึกครื้นมาสู่ถนนในสิงคโปร์ท่ามกลางไอแดดอันร้อนระอุ
คุณจะเพลินไปกับการตกแต่งตามเทศกาลที่งดงามตระการตา
ที่ไม่ได้มีแค่เพียงการตกแต่งไฟประดับตามถนน Orchard เท่านั้น ห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Tangs และ Takashimaya ต่างแข่งกันตกแต่งจากชั้นล่างจนถึงด่านฟ้าด้วยความสวยงามสว่างไสวในขณะที่ห้างอย่าง Wisma Atria, Orchard Central และ ION ต่างก็ไม่ยอมน้อยหน้ากัน
Art Culture and Music Festival
เทศกาลศิลปะ ดนตรี และบันเทิง
Mosaic
Music Festival
ช่วงเวลา : เดือนมีนาคม
เทศกาล Mosaic Music Festival คือเทศกาลที่จัดขึ้นที่ Esplanade-Theatres on the Bay เป็นประจำทุกปีเป็นเวลา 10 วัน
โดยมีการแสดงจากนักดนตรีทุกแนวเพลง
ที่พร้อมจะสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชมที่หลงไหลในเสียงดนตรีให้แก่ทุกเพศทุกวัย
เดิมทีเทศกาลนี้มุ่งเน้นการแสดงดนตรีของศิลปินต่างประเทศ
และดนตรีแนวแจ๊สเท่านั้น
แต่ในปัจจุบันเทศกาลดนตรีนี้ได้รวมดนตรีทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น indie-folk โซลบลูส์
ฮิปฮอป ร๊อค แอฟโฟร่บีท หรือเพลงแห่งยุค 90 ที่ดึงดูดให้มีผู้รับชมมากขึ้นทุกปี
สิ่งที่น่าทึ่งก็คือศิลปิน นักดนตรี
จะทำการแสดงดนตรีกระจายกันไปตามเวทีต่างๆ ของ Esplanade ทั้งในบริเวณ Theatre Studio,Mosaic recital
studio และบริเวณ Concert Hall ที่จะทำให้ผู้ชมได้เต็มที่ไปกันคอนเสิร์ตอย่างแน่นอนตั๋วเข้าชมที่มักขายหมดอย่างรวดเร็ว
เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นความเป็นที่นิยมของเทศกาลนี้
นับเป็นเทศกาลที่ให้คุณได้ผ่อนคลายพร้อมกับผู้ที่ชอบในสิ่งเดียวกัน
และรวมเป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในภูมิภาคนี้ที่ Esplanade ศูนย์รวมแห่งศิลปะ
และบันเทิงของสิงคโปร์
Timbre rook and roots
ช่วงเวลา : เดือนมีนาคม
Timbre Rock
& Roots เป็นเทศกาลดนตรียามเย็นจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน
โดนรวมเอานักดนตรีระดับโลกเจ้าของรางวัล และผู้เข้าชิงรางวัล Grammys Awards มาแสดงในคอนเสิร์ตนี้
Timbre Rock
& Roots เป็นการร่วมมือกันระหว่างค่ายเพลง Timbre Music Pte Ltd (of Timbre
Group) และ Bluesfest Music Pty Ltd ผู้จัดการและผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลดนตรีระดับโลกที่โดดเด่นมากมาย
รวมไปถึง East Coast
Blues Festival ที่ได้ Mr.Peter Noble มาเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดงาน
Timbre Music ได้นำเสนอศิลปินผ่านการแสดงสดในบาร์
และงานดนตรีใหญ่มากมายมาโดย และสำหรับ Rock & Roots คือการรวมเอาตัวจริงแห่งวงการมาสู่ผู้ชมชาวสิงคโปร์
โดยไม่จำกัดว่าศิลปินว่ามาจากที่ไหน ซึ้งไม่แตกต่างจากทศการดรตรี Bluesfest
Singapore Art Festival
ช่วงเวลา : พฤษภาคม
มิถุนายน
Singapore Arts Festival เป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่องกับศิลปะแห่ชาติที่ได้มีการจัดขึ้นในปี1977เพื่อเฉลิงฉลองให้กับการรวมตัวของผู้บุกเบิกทางศิลปะในท้องถิ่น
จนพัฒนามาเป็นเทศกาลหลักที่ยิ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
ในแต่ละปีจะมีการจัดรูปแบบแตกต่างกันไป Singapore Arts Festival เป็นงานที่นำเสนอผลงานจากศิลปินระดับตำนาน
และศิลปินที่เพิ่งแจ้งเกิด โดยรวมเอาช่องว่างทางภาษาและวัฒนธรรม
รวมถึงระเบียบวิธีไว้ด้วยกัน จะออกมาในรูปแบบของ visuals arts การเต้นรำ
การแสดง และดนตรี
คุณจะได้รับชมศิลปะแนวใหม่อันหน้าตื่นตา
เรียงเข้ามาประชันกันซึ้งผลงานเหล่านี้ได้ถูกคัดเลือกผู้ดูแลงานศิลปะโดยผู้ดูแลงานศิลปะของ National Arts Council (NAC)
Zouk Out
ช่วง : เดือนธันวาคม
มหกรรมดนตรีแดนซ์ริมชาดหาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
โดยจัดมานานถึงหนึ่งทศวรรษเป็นงานที่รวมดีเจชื่อดังระดับโลกมาไว้ด้วยกันมากมายไม่ว่าจะเป็น Carl Cox, Hawtin Sasha,Armin Van
Buuren,และ James Lavelle รวมไปถึงดีเจดังของสิงคโปร์อาทิ DJ Aldrin, djB และ Andrew Chow ที่นักเที่ยวกลางคืนจะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี
เทศกาลนี้จะจัดที่หาดหนึ่ง
บนเกาะเซนโตว่า(Sentosa) ที่คุณสามารถเห็นได้อย่างเด็นชัดแฟนๆจากทั่วโลกต่างข้ามหน้าข้ามทะเลมายังสิงคโปร์เพื่อจะไปปาร์ตี้กันอย่างเต็มที่
ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินจนพระอาทิตย์ขึ้น
ZoukOut คือเทศกาลที่สะท้อนให้เห็นถึงสปิริตแห่งงานดนรีที่รวมกัน One World,One Music,One Tribe,One
Dance ไว้ด้วยกกัน หากคุณวางแผนที่จะมุ่งหน้ามาที่งานนี้
ก็สามารถจะจองบัตรล่วงหน้าในราคาพิเศษที่ www.zoukclub.com หรือจะเหมาตั๋วให้คุณและเพื่อนมามันส์ด้วยกัน
อย่าลืมมาในชุดชายหาดชิคๆแล้วปาร์ตี้กันอย่างสุดเหวี่ยงโดยไม่ต้องแคร์อะไร
Marina Bay Singapore Countdown
ช่วงเวลา : เดือนธันวาคม
Marina Bay Singapore
Countdown คืองาน Countdown นับถอยหลังสู่ปีใหม่ที่จัดยิ่งใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ก้าวเข้ามาและอ้าแขนรับปีใหม่พร้อมกับคนรักคอบครัว
และเพื่อนๆ ร่วมเป็นสักขีพยานเมื่อเสียงนาฬิกาตีตอนเที่ยงคืน กับการเยือนของปีใหม่ทุกๆอย่างในย่านอ่าวมาลีน่า
จะกลายเป็นย่านที่มีชีวิตขึ้นมาด้วยการเฉลิมฉลองพลุ และปาร์ตี้
แน่นอนว่าทุกพื้นที่จะอัดแน่นไปด้วยฝูงชน
Fashion Festival
เทศกาลแฟชั่น&ช๊อปปิ้ง
Fashion
Steps Out @ Orchard
ช่วงเวลา : เดือนมีนาคม
งาน Fashion Steps Out@ Orchard คือมหกรรมแฟชั่นตลอด 6 สัปดาห์เต็ม
เป็นการโชว์ผลงานฤดูกาลล่าสุดจากทั่วโลก
การแสดงแฟชั่นโชว์จะจัดขึ้นบนแคทวอร์คกลางแจ้ง
ที่ยาวที่สุดในเมืองนี้โดยเปิดให้รับชมฟรีอย่างใกล้ชิด พบกับนางแบบหน้าใหม่ๆมากมาย
นอกจากนี้คุณยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งของงานด้วยการเข้าร่วม fashion workshops ที่คุณจะได้เรียนรู้จากสไตลิสต์มืออาชีพ
รวมไปถึงนิทรรศการถ่ายภาพในทีมแฟชั่น งานปาร์ตี้
และเพลิดเพลินไปกับดีลพิเศษจากห้างที่ร่วมรายการ
พร้อมเข้าร่วมชิงรางวัลสุดพิเศษจากห้างที่ร่วมรายการพร้อมเข้าร่วมชิงรางวัลสุดพิเศษ
Asia Fashion Exchange
ช่วงเวลา : เดือนพฤษภาคม
วิวัฒนาการใหม่ของวงการแฟชั่นสิงคโปร์
เวทีระดับสากลที่มาแทนที่ Singapore
Fashion Festival โดยเป็นที่รู้จักกันในนาม Asia Fashion Exchange(AFX)
เทศกาลแฟชั่นที่เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Asia fashion Summit (AFS), Star
Creation Designer Competition, Blueprint trade show และ The Audi Fashion Festival เพื่อเป็นการยกระดับวงการแฟชั่น
Great
Singapore Sale
ช่วงเดือน : พฤศภาคม
ในแต่ละปีช๊อปฮอลิเดย์จากทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลเข้ามาที่เกาะแห่งนี้เพื่อช๊อปกระหน่ำในช่วงGreat Singapore Sale ที่ลดสูงสุดถึง 70% ที่ถนนสายหลักแห่งการช๊อปปิ่ง และห้าวสรรพสินค้าย่านชานเมืองทั่วสิงคโปร์
World
Gourmet Summit
ช่วงเวลา : เดือนเมษายน
แม้ว่าชาวเมษายนจะมีพื้นฐานวัฒนธรรมที่แตกต่างกันแต่สิ่งที่รวมใจของทุกคนคือ
ความหลงใหลในอาหาร World
Gourmet Summit คือเทศกาลอาหารที่จัดเป็นประจำทุกปีด้วยการรวมอาหารชั้นดีจากทั่วประเทศไว้ที่นี้โดยมุ่งเน้นไปที่คุณภาพของอาหารที่ไม่เหมือนใคร
โดยทำให้เทศกาลนี้เป็นเทศกาลอาหารชั้นเลิศแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บรรดานักชิมไม่ควรพาสโอกาสที่จะลิ้มลองอาหารแนวใหม่จากทุกร้านทั่วมุมโลก
รวมไปถึงกิจกรรมที่น่าสนใจอาทิ เช่น
อาหารที่ปรุงโดยเชฟคนดังให้คุณได้ใกล้ชิดกับเชฟมิชลิน
ด้วยการเข้าไปเรียนรู้การใช้วัตถุดิบที่แตกต่างกันในการปรุงอาหารรสเลิศรวมจิบไวน์และรับประทานอาหารร่วมกันในงาน
Food Festival
เทศกาลอาหาร
Singapore
Food Festival
ช่วงเวลา : เดือนกรกฎาคม
เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี 1994 เป็นเทศกาลอาหารSingapore Food Festival ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและไม่เคยพลาดกับการยั่วน้ำลายผู้ร่วมงานแม้แต่ครั้งเดียวด้วยเทศกาลด้วยเทศกาลและกิจกรรมเล็กๆ
มากมายที่จัดขึ้นทั่วประเทศให้คุณได้เข้าไปชิมกันแทบทุกวัน
ไม่ว่าจะอยู่แห่งไหนคุณจะได้ชิมอาหารจานอร่อยตามแบบฉบับของต้นตำหรับ ไม่ว่าจะเป็น
อาหารจีน มาเลย์ อินเดีย และเปอรานากัน ที่ทำหิ้วกันสดๆและไม่ได้จำกัดอยู่แค่เขตเมือง
และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่เทศกาลนี้ยังรวมไปถึงทุกซอกทุกมุมของเกาะแห่งนี้
Sport Festival
เทศกาลกีฬา
Grand Prix Season Singapore
ช่วงเวลา : เดือนกันยายน
ขอมอบประสบการณ์อันหน้าตื่นเต้นให้กับผู้ที่ชื่นชอบสิ่งดีๆ
ในชีวิตจากจุดเริ่มต้นไปถึงเส้นชัยในเมืองที่เต็มไปด้วยพลังแห่งนี้
Grand prix season Singapore (GPSS) เป็นการรวมไลฟ์สไตล์ที่คุณคุ้นเคยเข้ากับความบันเทิงและกิจกรรมสำหรับทุกคน GPSS เป็นการแข่งรถ F1 ในเวลากลางคือเพียงแห่งเดียวที่ทำให้นักปาร์ตี้สังสรรค์ต่อเนื่องไปกันไฮไลต์ของงานช่วงกลางคืนที่ Amber Lounge และ Podium Lounge
ให้คุณได้จัดเต็มกับประสบการณ์เร้าใจอันน่าตื่นเต้นด้วยสีสันความบันเทิงระดับโลก
ไนไลฟ์อาหารช๊อปปิ่งและอื่นๆอีกมากมาย
ฤดูกาลแห่ง Grand Prix คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงความตื่นเต้นของสิงคโปร์ให้กลายเป็นความเร้าใจถึงที่สุด
WTAC
ช่วงเวลา : เดือนตุลาคม
ประเทศสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพในการจัดงานเทศกาลแข่งขันเทนนิสที่มีชื่อเสียงมาที่สุดในปฎิทินการแข่งขันของ WTA โดยสิงคโปร์จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปี 2018 โดยจะมีผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 8 คน
และผู้เข้าแข่งขันอีก 8ทีม
เข้าร่วมการแข่งขันกันเป็นครั้งแรกเพื่อร่วมชิงเงินรางวัล S$ 6.5 ล้าน
สนามกีฬา Singapore Sport Hub ที่สร้างด้วยเงินทุน S$ 1.3 พันล้าน
ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง มีที่นั้ง 75,000 ที่นั่ง เดิมเคยเป็นสนามกีฬาในร่มที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์การจัดงานแข่งขันที่ยิ่งใหญ่หลายงาน
รวมไปถึงการแสดงจากทั่วโลกหลังจากงานมหกรรมการแข่งขันเทนนิสจบลง
เจ้าภาพจะเปลี่ยนสนามกีฬาแห่งนี้ให้เป็นสถานที่จัดงานบันเทิงจากทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นWTA Future
Stars,WTA Legends exhibition matches, คอนเสิร์ต,งานสัมมนาของโค้ชและธุรกิจร้านค้า,การจัดการประชุม Women in Business Leadership, ทุกกิจกรรมที่มีขึ้นเปิดกว้างกับประชาชนทั่วไปได้เข้าร่วมงานในประสบการณ์เหนือระดับที่จะทำให้แฟนๆได้พบประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าประทับใจ www.wtatennis.com
Transportation and Services in Singapore
1.The Mass
Rapid Transit (MRT) System
MRT(the mass Rapid Transit)หรือรถไฟฟ้า
คือวิธีการเดินทางในสิงคโปร์ที่สะดวกรวดเร็วที่สุดนอกเหนือจากการนั่งแท็กซี่ MRT นอกจากจะเป็นระบบขนส่งมวลชนที่ปราศจากมลพิษแล้วคุณยังสามารถใช้บริการได้อย่างง่ายดายจากแทบทุกจุดของสิงคโปร์
MRT จำหน่ายตั๋วให้คุณตามความต้องการของการใช้งาน
โดยมีให้คุณเลือกตั้งแต่ ตั๋วมาตรฐาน one-time จนไปถึงตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยว tourist concession passes (www.smrt.com.sg)
ประเภทของการ์ด
บัตรโดยสารประเภทเติมเงิน
หรือที่รู้จักดีในนาม ez-link cards คุณสามารถหาซื้อการ์ดนี้ได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วด้วยเงินสด
หรือ NETS
∙ มูลค่าการเติมเงินขั้นต่ำคือ S$10 และมูลค่าสูงสุดที่สามารถเก็บไว้ในในการ์ดได้คือ S$100
∙ ค่าโดยสารจะเก็บตามระยะทางไม่ว่าจะเป็นวิธีการเดินทางแบบใด ทั้งรถโดยสารประจำทาง, LRT และMRT
∙ ราคาของการ์ดคือ S$12 (S$5 เป็นจำนวนเงินที่ไม่สามารถรับคืนได้และ S$7 คือจำนวนเงินที่สามารถใช้ในการเดินทาง)
บัตรโดยสารธรรมดา/
เดินทางต่อเดียว
สามารถหาซื้อได้จากตู้จำหน่ายตั๋วตามสถานี MRT เป็นการ์ดที่เหมาะสำหรับการเดินทางเที่ยวเดียวโดย MRT และ LRT สามารถใช้ได้ภายในวันที่ซื้อ
บัตรโดยสารสำหรับเด็ก
ใช้งานได้เหมือนกับการ์ด Adult Stored Value Card แต่เป็นอัตราการเดินทางสำหรับเด็ก
ในกรณีเด็กที่ไม่ใช้ชาวสิงคโปร์ หรือไม่ได้อาศัยอยู่ในสิงคโปร์อย่างถาวร ต้องนำหนังสือเดินทางไปด้วย (สำเนาหรือฉบับจริง)
เพื่อใช้ในการซื้อการ์ด โดยเจ้าหน้าที่จะนำชื่อวันเกิด หมายเลขหนังสือเดินทาง
ระบุวันหมดอายุไว้บนการ์ดเด็กหนึ่งคน มีการ์ดได้เพียง 1 ใบ
เด็กมีความสูงต่ำกว่า 0.9 เมตรและมากับผู้ที่จ่ายค่าเดินทางในราคาปกติ
สามารถเดินทางได้ฟรี
บัตรโดยสารสำหรับนักท่องเที่ยว
เลือกซื้อการ์ดสำหรับเดินทาง 1,2 หรือ 3 Day Pass เพื่อให้คุณเดินทางได้อย่างไม่จำกัดภายในระยะเวลาที่คุณต้องการ
ด้วยบริการขนส่งมวลชนของประเทศสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟหรือรถโดยสารประจำทาง
ด้วยการ์ดที่ออกแบบมาให้มีขนาดเหมาะกับกระเป๋า ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย
ไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ของสิงคโปร์ราคาเพียง S$6.70 ต่อวัน
∙
สามารถซื้อการ์ดได้ที่ Transit Link Ticket Offices ในสถานี SMRT ที่ใกล้ และสะดวก
∙การ์ดสามารถใช้ซื้อได้ตามระยะเวลาที่เลือกซื้อ(เช่น 1,2 หรือ 3วัน)ตั้งแต่วันที่ซื้อจนถึงชั่วโมงสุดท้ายของเวลาทำการ MRT และ LRT ในวันสุดท้าย
ประเภทตั๋ว
|
ราคา*
|
ค่ามัดจำ*
|
ตั๋วประเภท 1 วัน
|
S$ 10
|
S$10
|
ตั๋วประเภท 2 วัน
|
S$ 16
|
S$ 10
|
ตั๋วประเภท 3 วัน
|
S$ 20
|
S$ 10
|
∙ ในการซื้อตั๋วแต่ละครั้งจะต้องจ่ายค่ามัดจำตั๋วเป็นจำนวนเงิน S$10 โดยคุณจะได้รับเงินคืนหากคุณนำตั๋วมาคืนภายใน 5 วัน
∙ คุณสามารถนำตั๋วนี้เดินทางได้บนรถโดยสารประจำทางแบบธรรมดา (Basic Bus) โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งแต่ไม่สามารถใช้ตั๋วกับบริการรถโดยสารประจำทางแบบพิเศษ
ได้แก่ Express, Fast Forward, Night
Rider, Nite Owl, Chinatown Direct ,Jurong Island และ Bus Plus
Transit Link Ticket
Office
Changi
Airport 12.00 น. -15.45 น. /16.45น. 19.30 น. (ทุกวัน)
Orchard 10.00น. -21.00น. (ทุกวัน)
Chinatown 12.00น. 15.45น. / 16.45น. 19.30น.(ทุกวัน)
City
Hall 09.00น. - 21.00น. (ทุกวัน)
Raffles
Place 08.00 -21.00
08.00 17.00(วันเสาร์)/ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ
Ang Mo
Kio 08.00 21.00(ทุกวัน)
HarborFront 08.00 21.00(ทุกวัน)
Bugis 10.00 21.00(ทุกวัน)
Lavenders 12.00 15.45 / 16.45 19.30(ทุกวัน) ปิดวันหยุดราชการ
2.รถโดยสารประจำทาง
SBS
Transit
SBS Transit เป็นบริษัทใบริการรถโดยสารประจำทางของสิงคโปร์ของสิงคโปร์ที่มีสายรถประจำทางให้บริการถึง 250 สาย
และมีรถทั้งหมด 3,000 คัน
เปิกให้บริการทั่วประเทศ เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบายแม้ในสันทางที่เข้าถึงยากรถประจำทางทุกคันจะมีเรื่องปรับอากาศให้บริการ
และมีการบริการเดินรถในเส้นทางต่างๆ คือเส้นทางการเดินรถระหว่างเมือง (Trunk) เส้นทางการเดินรถในย่านนั้นๆ (Feeder) เส้นทางการเดินรถที่จอดเฉพาะบางจุดและวิ่งบนทางด่วน (Express) เส้นทางการเดินรถระหว่างเมือฝ (Town link) และบริการเดินรถแบบพิเศษ (Premium)
หากคุณเป็นคนนอนดึกและอยากสำรวจชีวิตยามค่ำคืนของสิงคโปร์ SBS Transit มีบริการรถบัสพิเศษที่เรียกว่า Nite Owl ที่ให้บริการทุกวันศุกร์
เสาร์ และวันก่อนวันหยุดราชการมีอัตราค่าบริการ S$4.00 โดยใช้การ์ด ez-link หรือเงินสดชำระค่าโดยสารได้
สำหรับผู้ที่เดินทางในเขตเมืองจะชำระค่าบริการเพียง S$ 1.50 เท่านั้น
SMRT
SMRT ให้บริการเดินรถในเขตทางตอนเหนือของสิงคโปร์เป็นหลักมีรถบัสกว่า 1,000 คัน
ให้บริการถึง 38 เส้นทาง
โดยมีบริการเหมือนกับ SBS
Transit ด้วยการให้บริการเดินรถในเส้นทางต่างๆ อ เส้นทางการเดินรถในย่านนั้นๆ (feeder) เส้นทางการเดินรถที่จอดรับส่งเฉพาะบางจุดและวิ่งบนทางด่วน (Express) และบริการเดินรถแบบพิเศษ (Premium)
∙ Premium services คือบริการที่ทำให้เดินทางอย่างสะดวกสบายไปยังจุดหมายที่ต้องการได้โดยตรง
สามารถขึ้นรถได้ที่จุดรับตามเวลาที่กำหนดไว้จากเขตที่พักไปยังเขตเมือง
หรือจากเขตเมืองไปยังเขตที่พัก ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ S$2.20
∙ บริการรถโดยสาร
ไป-กลับ Resort World Sentosa และ Marina Bay Sands (Direct) มีอัตราค่าโดยสาร S$2 S$4.5
∙ Cross Border Service (CB0) 950 คือการบริการรถโดนสารที่ข้ามเขตแดนไปยัง
รัฐยะโฮร์บาห์รู ประทศมาเลย์เซีย อย่างง่ายดาย ให้บริการเดินรถระหว่าง Woodlands Regional Interchang และ Kotaraya II Terminal ที่คุณสามารถใช้บริการได้โดยขึ้น MRT ลงที่สถานี Woodlands เดินทางต่อโดยขึ้นรถที่จุดเปลี่ยนรถ Woodlands Regional Interchang ซึ้งอยู่ภายในบริเวณสถานี Marsiling
Station
∙ NightRider ให้บริการที่ปลอดภัย
และประหยัดสำหรับการเดินทางช่วงดึก มีรถประจำทาให้ถึง 7 สาย
วิ่งทุกวันศุกร์ เสาร์และก่อนวันหยุดราชการ เปิดในบริการตั้งแต่เวลา 23.00 น. -04.35 น.
มีอัตราค่าโดยสาร S$4.50 ต่อเที่ยวสามารถชำระค่าบริการด้วยเงินสดหรือการ์ด ez-link และผู้โดยสารด้วยการ์ด ez-link สามารถเปลี่ยนสายภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ฟรี
แต่ไม่สามารถเปลี่ยนสายจากรถโดยสารประจำทางธรรมดาไปยังบริการ NightRider และไม่สามารถใช้บริการด้วยอัตราการเดินทางที่ลดราคาได้
เวลาทำการ
∙ บริการของรถโดยสารประจำทางธรรมดา
เริ่มตั้งแต่เวลา 05.30 น.
เที่ยงคืน เป็นประจำทุกวัน
∙ ระยะเวลาในการจอดรับผู้โดยสารจะอย่างห่างกัน 5-10 นาที
Taxi
คุณสามารถเรียกใช้บริการแท็กซี่ได้อย่างไม่มีปัญหาในทุกพื้นที่ของสิงคโปร์ยกเว้นบริเวณถนนที่มีเส้นสีเหลือง 2 เส้น
และเส้นซิกแซกที่ไม่อนุญาตให้รถหยุดหรือจอดได้ โดยสามารถเรียกได้จากจุดรียกแท็กซี่ที่มีอยู่ทั่วไปในสิงคโปร์โดยเฉพาะบริเวณโรงแรม
และแหล่งช๊อปปิ้ง
หากเดินทางเป็นกลุ่มหรือมีสัมภาระหลายชิ้น
ควรโทรจองแท็กซี่ไปยังที่หมายที่ต้องการเดินทางล่วงหน้า หรือหากต้องการเรียกแท็กซี่จากแหล่งบันเทิงต่างๆหรือร้านอาหารพนักงานที่ให้บริการยินดีที่จะเรียกแท็กซี่ให้คุณได้
อัตราค่าบริการ
∙ อัตราค่าบริการขึ้นอยู่กับมิเตอร์ที่แสดงบนหน้าจอและค่าบริการที่อาจเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม
∙ คุณสามารถขอใบเสร็จรับเงินจากแท็กซี่ได้ หากต้องการ
∙ ช่วงเวลาเร่งด่วน เช่น 07.00 น. -9.30 น. และ 17.00น. 23.00 น.ของวันธรรมดา
จึงควรจองแท็กซี่ก่อนล่วงหน้าทางโทรศัพท์ซึ้งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นดังนี้
∙ Midningt
Surcharge (เที่ยงคืน 05.59 น.) :50%ของราคาบนมิเตอร์
∙ Peak Hour
Surcharge (จันทร์ ศุกร์ 06.00 น. 09.30 น.) : 25% ของราคาบนมิเตอร์
∙ City Area
Surcharge (จันทร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ17.00น.
เที่ยงคืน) S$ 3
การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว
1. TRS
หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวและเลือกซื้อสินค้าจากทางร้านที่มีนโยบายคืนเงินภาษีให้กับนักท่องเที่ยวคุณสามารถทำเรื่องขอภาษีคืนได้ภายใน 2 เดือนจากวันที่ซื้อสินค้า
โดยมีเกณฑ์และเงื่อนไขอื่นๆประกอบ
โดยขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยวสามารถคืนได้ที่
∙ Singapore via Changi Internationnal Airport
∙ Seletar Airport
∙ Marina Bay
Cruise Centre Singapore (MBCCS)
∙ The International Passenger Terminal at Harbourfront Centre
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางออกจากประเทศสิงคโปร์ทางเรือ(ไม่รวมการเดินเรือโดยไม่มีจุดหมาย
การเดินเรือไปกลับและการนั่งเรือเฟอร์รี่ภายในภูมิภาคเดียวกัน)จุดหมายปลายทางสุดท้ายต้องไม่ใช้สิงคโปร์
และไม่แวะจอดที่สิงคโปร์ นักท่องเที่ยวสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในกรณีที่สิงคโปร์คือจุดสุดท้ายที่เรือออกเดินทาง
∙ หากคุณมีสินค้าค่อนข้างใหญ่
หรือสินค้าที่ต้องเช็คอิน
คุณควรยึดใบขอคืนภาษีที่บริเวณขอคืนภาษีในสนามบินส่วนผู้โดยสารขาออก
ก่อนที่คุณจะเช็คอินสัมภาระทั้งหมด
∙ สำหรับสินค้าที่มีราคาสูง
หรือสินค้าที่คุณต้องการถือขึ้นเครื่อง คุณสามารถยื่นใบขอภาษีได้ที่บริเวณ Departure Transit Lounge (อยู่ถัดจากจุดตรวจคนเข้าเมืองขาออก)โปรดมาถึงสนามบินหรือท่าเรือก่อนเวลาเดินทางเพื่อเผื่อเวลาในการดำเนินการและตรวจสอบสินค้า
2.ขั้นตอนในการขอภาษีคืน
ขั้นตอนง่ายๆในการขอภาษีคืน
1.ที่ร้านค้า
ใช้เครดิต/เดบิตการ์ด
เพียงใบเดียวในการซื้อสินค้าในร้านค้าที่เข้ารวมการคืนภาษีให้นักท่องเที่ยวขอ eTRS Ticket และใบเสร็จต้นฉบับก่อนออกจากร้าน
2.ก่อนออกเดินทาง
∙ หากคุณวางแผนที่จะเช็คอินสินค้าที่คุณทำการซื้อมาคุณต้องยื่นเรื่องขอคืนภาษีด้วย Token หรือ eTRS Ticket ที่ eTRS self-help kiosk ที่อยู่บริเวณโถงเช็คอินในส่วนผู้โดยสารขาออก(ก่อนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออก)
ที่สนามบินหรือบริเวณชั้น 2 ของท่าเรือคุณจะไม่สามารถรับภาษีคืนได้หากคุณนำสินค้าที่ซื้อมาเช็คอินไปก่อนที่จะยื่นขอภาษี
∙ หากคุณวางแผนที่จะถือสินค้าที่คุณซื้อมาขึ้นเครื่อง
คุณต้องยื่นเรื่องขอภาษีคืนพร้อมกับสินค้าที่ซื้อมาที่บริเวณ Departure
Transit Lounge (ถัดจากด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออก)
ของสนามบิน หรือบริเวณชั้นสองของท่าเรือ ยื่นเรื่องได้บริเวณจุดให้บริการ eTRS
3.การใช้บริการจาก eTRS
Self-Help Kiosk
∙ นำเครดิต/เดบิตการ์ดที่คุณใช้เป็น Token เพื่อแสดงรายการสินค้าที่ซื้อมา หรือสแกน eTRS Tickets แต่ละใบที่เพื่อแสดงรายการของสินค้าที่ซื้อมาทั้งหมด
∙ ทำตามคำสั่งที่แสดงบนหน้าจอ eTRS self-help kiosk เพื่อยื่นขอคืนภาษี
เจ้าหน้าที่ศุลกากรอาจขอตรวจสอบสินค้าพร้อมใบเสร็จต้นฉบับ และตั๋วเครื่องบิน
/สลิปยืนยันแผนการเดินทางด้วยเรือ ณ จุดตรวจสอบของศุลกากร
∙ eTRS
self-help kiosks ตั้งอยู่บริเวณเช็คอิน
อาคารผู้โดยสารขาออกของสนามบิน Changi International Airport (อยู่ก่อนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออก) และ Departure Transit Lounge (อยู่ถัดจากด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออก) ที่ Terminals 1,2 and 3
∙ ด่านตรวจคนเข้าเมือง
และจุดตรวจภาษีสินค้า ที่สนามบิน Seletar Airport
∙ Marina Bay
Cruise Centre Singapore ชั้น1,ชั้น2, ชั้น 2M Mezzanine
∙ International
Passenger Terminal ที่ Harbour Front Centre ชั้น1,ชั้น2
3.การรับเงินภาษีคืน
1.หากคุณเดินทางออกจากสนามบิน Changi International Airport คุณจะได้รับเงินภาษีคืนผ่านเครดิตการ์ด
หรือเป็นเงินสด
2.หากคุณเดินทางออกจากสนามบิน seletar Airport, ท่าเรือ Marina Bay Cruise Centre
Singapore หรือ International Passenger Terminal ที่ HarbourFront Centre คุณจะได้รับเงินภาษีคืนผ่านบัตรเครดิตการ์ด
หรือเช็คธนาคาร
∙ หากเลือกจะรับเงินภาษีคืนผ่านบัตรเครดิตการ์ดโดยตรง
คุณสามารถขึ้นเครื่องบินหลังจากยื่นคืนภาษีเรียบร้อยจำนวนเงินที่ได้รับการอนุมัติแล้ว
จะคืนเข้าเครดิตการ์ดของคุณภายใน 10 วัน
∙ หากเลือกที่จะรับเงินภาษีคืนเป็นเงินสด
สามารถยื่นเรื่องได้ที่ Central
refund Counter Singapore ในDeparture Transit Lounge (ถัดจากด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออก)
พร้อมกับสลิปที่ได้รับการอนุมัติแล้ว เพื่อรับเงินสด
∙ หากเลือกที่จะรับเงินภาษีคืนเป็นเช็คธนาคาร
คุณต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้งในส่วนของชื่อผู้รับเงิน รวมถึงที่อยู่จัดส่งทางไปรษณีย์ลงในสลิป
และหย่อนสลิปคืนลงในกล่องขอรับภาษีคืนทางเช็คที่จัดเตรียมไว้ คุณจะได้รับเช็คภายใน 14 วันจากวันที่เงินฝากดข้าธนาคาร
หลังจากสลิปได้รับการอนุมัติ
4.เงื่อนไขในการขอรับเงินคืนภาษี
1.ใช้จ่ายอย่างน้อย S$ 100 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยคุณสามารถรวบรวมใบเสร็จที่ชำระเงินภายในวันเดียวกันไม่เกิน 3 ใบ
จากร้านค้าที่มีการลงหมายเลขทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเดียวกันเพื่อให้ครบราคาขั้นต่ำที่กำหนด
2.ยื่นขอภาษีมูลค่าเพิ่มโดยใช้ Token หรือ eTRS Ticket ที่จุดบริการ eTRS self-help ที่สนามบินหรือท่าเรือ
3.ต้องเดินทางภายใน 2 เดือนนับจากวันที่ซื้อสินค้าโดยคุณเดินทางออกจากสนามบิน Changi International Airport
Departure / Seletar Airport Passenger Terminal / Marina Bay Cruise Centre
Singapore/International Passenger Terminal ที่ Harbourfront Centre เท่านั้น
4.หากคุณเดินทางออกจากสิงคโปร์ผ่านทาท่าเรือ(ไม่รวมการเดินทางโดยไร้จุดหมาย
การเดินทางกลับ และการเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ภายในภูมภาคเดียวกัน) คุณจะต้อง
∙ แสดงให้เห็นว่าคุณเดินทางออกจากสิงคโปร์และจะไม่กลับเข้ามาอีกครั้งในการเดินทางรอบนี้
โดยเรือลำเดียวกัน
คุณสามาถแสดงหลักฐานด้วยการใช้แผนการท่องเที่ยวทางเรือเป็นเอกสารยืนยันการเดินทางออกนอกประเทศ
∙ยืนยันว่าคุณไม่กลับเข้ามาประเทศสิงคโปร์ภายใน 48 ชั่วโมง
5.สินค้าที่ไม่สามารถขอคืนภาษีได้
สินค้าที่มีภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถขอภาษีคืนได้ยกเว้น
∙ สินค้าที่บริโภคไปแล้วทั้งหมด หรือบางส่วนในสิคโปร์
∙ สินค้าที่ส่งออกเพื่อการทำธุกิจ
หรือค้าขาย
∙ สินค้าที่ส่งออกด้วยการขนส่ง
∙ ที่พักในโรงแรม โฮลเทล บ้านตากอากาศ หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
เงิน
หน่วยเงินที่ใช้ในสิงคโปร์ คือสิงคโปร์ดอลล่าร์ (S$) คุณสามารถรับแลกเงินได้ที่ Changi Airport ห้างสรรพสินค้า
โรงแรมทั่วประเทศ นอกจากนี้คุณสามารถใช้บริการ ATM ที่มีอยู่ทั่วไปในสิงคโปร์ (แม้บริเวณที่อยู่ห่างไกล)
โดยตู้ ATM สามารถรับบัตรเครดิตจาก Visa, MasterCard and American
Express.
อากาศ
อากาศในสิงคโปร์มีลักษณะร้อนชื้น โดยมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างน้อยตลอดทั้งปี
อุณหภูมิโดนเฉลี่ยในเวลากลางคืน 31c และจะลดลงอยู่ที่ 24c ในช่วงเย็นฤดูมรสุมค่อนข้างรุนแรง
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ดังนั้นคุณควรเตรียมตัวให้พร้อม
การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่
รหัสโทรศัพท์สำหรับโทรข้ามประเทศมายังสิงคโปร์คือ +(65) หากคุณอยู่ในสิงคโปร์และเปิดใช้บริการโทรศัพท์ข้ามประเทศ
คุณไม่จำเป็นต้องกดรหัส +(65) เนื่องจากระบบจะเชื่อมต่อโทรศัพท์ของคุณเข้าสู่เบอร์ท้องถิ่นโดยอัตโนมัติ
การ(ไม่)สูบบุหรี่
นอกเหนือไปจากบริเวณที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศ
เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง และโรงภาพยนตร์
คุณไม่สามารถสูบบุหรี่ในรถไฟฟ้า SMRT
(Singapore mass rapid Transit system) รถโดยสารประจำทาง
รถแท็กซี่ และขระอยู่ในลิฟ ประเทศสิงคโปร์ได้ออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่มนที่รับประทานอาหารสาธารณะ
และบริเวณที่อยู่ในรัศมี 5 เมตร
จากทางเข้าอาคาร ยกเว้นบริเวณที่อนุญาตให้มีการสูบบุหรี่
โดยเป็นบริเวณที่อยู่ในรัศมี 5 เมตร
จากทางเข้าอาคาร ยกเว้นบริเวณที่อนุญาตให้มีการสูบบุหรี่ โดยเป็นบริเวณที่ทาสีด้วยสีเหลืองสดค่าปรับสูงสุดคือ S$ 1,000 แม้จะเป็นการกระทำที่ผิดเป็นบางครั้ง
เบอร์ติดต่อสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย
สถานทูตสิงคโปร์ในประเทศไทย
ที่อยู่ : 129 ถนนสารทรใต้ กรุงเทพมหานคร 10120
เบอร์โทนศัพท์
∙ (02) 286 2111 (ระหว่างเวลาทำการ)
∙ (081) 844 3580 (หลังเวลาทำการ)
เบอร์แฟกซ์ : (02) 286 6966,(02) 287 2578
อีเมล : singemb_bkk@sgmfa.gov.sg
เวลาทำการ
∙ 09.00 น.
เที่ยง
∙13.00 น. -17.00น. (จันทร์-ศุกร์)
∙ปิด เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศสิงคโปร์ประจำประเทศไทย
ที่อยู่ : เลขที่ 1702-1703 ชั้น 17 สารทรสแควร์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ 98 ถนนสามธรเหนือ สีลม บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
เบอร์โทรศัพท์ : (02)108-1273-4
เบอร์แฟกซ์ : (02)
108-1277
อีเมล : stb_bangkok@stb.gov.sg
เวลาทำการ
∙ จันทร์ ศุกร์ 09.00 น.-18.00 น.
∙ ปิด เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ
สถานทูตไทยในสิงคโปร์
Embassy of Thailand in Singapore Royal Thai Embassy 379 Orchard Road
Singapore 238870 City : Singapore City
เบอร์โทรศัพท์ :
∙ (65-5) 7372158, 7372644, 7372475-6
เบอร์แฟกซ์ (65-6)
7320778
Website: thaiembassy.sg
Email: thaisgp@singnet.com.sg
เวลาทำการ : แผนก visa and Consular
∙ 09.15 น.- เที่ยง
∙ 14.00 น.- 16.30น.
ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว
1.
Orchard
Rd. แยกถนน Cairnhill และถนน Orchard
เวลาให้บริการ : 09.30 น.- 22.00 น. ทุกวัน MRT สถานี Somerset (NS23)
2.ION
Orchard Level 1 Concierge
เวลาให้บริการ : 10.00 น. 22.00 น. ทุกวัน MRT สถานี Orchard (NS24)
3.Chinatown
Visitor Center@kreta Ayer Square
ที่อยู่ : 2
Banda Street (Behind Buddha Tooth Relic Temple and Museum)
เวลาให้บริการ
09.00 น. 21.00น. (จันทร์-ศุกร์)
09.00 น. 22.00น. (เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)
|